เมื่อเวลา 15.09 น. วันที่ 9 พ.ย. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ในพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ ในการนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยเสด็จด้วย
ครั้นเมื่อรถยนต์พระที่นั่งเทียบยังท่าเรือวาสุกรี กองทหารเกียรติยศถวายความเคารพ แตรวงบรรเลงเพลงสรรเสริญพระบารมี จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ ไปยังสะพานฉนวนประจำท่าเทียบเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ภายหลังพลเรือเอกสุรศักดิ์ หรุ่นเริงรมย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้บัญชาการขบวนเรือพยุหยาตรา กราบบังคมทูลรายงานจำนวนเรือและกำลังพล
ต่อมา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินลงประทับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ พลเรือตรีเจริญศักดิ์ มารัตนะ ผู้ควบคุมเรือพระที่นั่ง กราบบังคมทูลรายงานฝีพายประจำเรือพระที่นั่งแล้ว นาวาโทเกษม เอี่ยมสุพรรณ นายเรือพระที่นั่ง กราบบังคมทูลขอพระราชทานพระราชานุญาตออกเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ ในการนี้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ส่งเสด็จแล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังที่รับรองท่าเทียบเรือวัดอรุณราชวราราม พร้อมทอดพระเนตรความงดงามของขบวนพยุหยาตราทางชลมารค กลางแม่น้ำเจ้าพระยา
สำหรับขบวนพยุหยาตราทางชลมารคนี้ นับเป็นครั้งที่ 17 ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ประกอบด้วยเรือพระราชพิธีในขบวนทั้งสิ้น 52 ลำ มีกำลังพลสง่างามในอาภรณ์ถูกต้องตามแบบโบราณราชประเพณี จำนวน 2,311 นาย ทั้งนี้ขบวนเรือเรียงรายจัดเป็น 5 ริ้ว ประกอบด้วย เรือนำหน้า 4 ลำ แบ่งเป็น 2 แถวได้แก่ เรือทองบ้าบิ่น เรือทองขวานฟ้า เรือเสือคำรนสินธุ์ และเรือเสือทยานชล มีเรือดั้งขนาบทั้งซ้ายและขวาของขบวนฝั่งละ 11 ลำ ถัดมาในแถวที่ 2 และ 4 เป็นเรือคุ้มกันชั้นในส่วนใหญ่ติดปืนใหญ่โบราณบริเวณโขนเรือมีลักษณะเป็นรูปสัตว์ในวรรณคดี แลดูสง่างามน่าเกรงขาม จำนวน 8 ลำ ได้แก่ เรืออสุรปักษี, เรือกระบี่ราญรอนราพณ์, เรือสุครีพครองเมือง, เรือครุฑเตร็จไตรจักร, เรืออสุรวายุภักษ์, เรือกระบี่ปราบเมืองมาร, เรือพาลีรั้งทวีป, เรือครุฑเหินเห็จ
ตามด้วยเรือคู่ชัก 2 ลำคือ เรือเอกชัยหลาวทอง และเรือเอกชัยเหินหาว ในแถวที่ 3 เป็นตำแหน่งของเรือพระที่นั่ง หรือ “เรือธง” เป็นจุดสำคัญที่สุดของขบวน นำหน้าด้วยเรืออีเหลือง, เรือตำรวจ 1 และ 2 เรียงต่อด้วยเรือพระที่นั่งอนันตนาคราช ซึ่งใช้เป็นเรืออัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทาน ตามด้วยเรือแตงโม นำเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ์ รัชกาลที่ 9 , เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ ซึ่งเป็นเรือพระที่นั่งรอง นอกจากนี้ยังมีเรือแซง 7 ลำ เรือตำรวจอีก 1 ลำ
จากนั้นเวลา 15.15 น. คณะฝีพายจึงได้รับสัญญาณเคลื่อนขบวนจากท่าวาสุกรี มุ่งหน้าสู่ท่าวัดอรุณราชวราราม ฝีพายในเรือพระที่นั่งใช้วิธีพายเรือในท่านกบิน หรือการยกพายสูงทำมุม 45 องศา ทำให้เกิดจังหวะ มีความพร้อมเพรียงกัน บังเกิดเป็นความวิจิตรตระการตา สอดคล้องกับจังหวะการเห่เรือ โดยครั้งนี้ประพันธ์กาพย์เห่เรือใหม่ชื่อว่า กาพย์เห่เรือเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธ.ค.2554 ประพันธ์โดย นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย ข้าราชการบำนาญ สังกัดกองทัพเรือ มี 3 บทได้แก่ บทสรรเสริญพระบารมี, บทชมเมือง และบทชมเรือขบวน โดยมี นาวาโทณัฐวัฏ อร่ามเกลื้อ รับหน้าที่เป็นพนักงานเห่
เมื่อขบวนเรือพระราชพิธี ยาตราผ่านโรงพยาบาลศิริราช คณะฝีพายทั้งหมดได้หันหน้าถวายความเคารพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ
เมื่อเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เทียบท่าฉนวนน้ำหน้าวัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร เวลา 16.21 น. โดยมีผู้บัญชาการทหารเรือ, พลเอกทรงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน ปลัดกระทรวงกลาโหม และนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เฝ้าฯ รับเสด็จ จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เข้าพระอุโบสถ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงรับผ้าไตรจากเจ้าพนักงานศุภรัต ทรงวางผ้าไตรเหนือพานแว่นฟ้า ซึ่งตั้งอยู่หน้าอาสนสงฆ์ใกล้เจ้าอาวาส ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชสรีรางคาร พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงกราบ
ต่อมาทรงหยิบผ้าห่มสำหรับพระประธานที่วางอยู่บนหลังผ้าไตรพระราชทานเจ้าพนักงานภูษามาลา แล้วทรงยืนประทับ ณ ที่นั้น เจ้าหน้าที่กรมการศาสนากราบบังคมทูลรายงานจำนวนพระสงฆ์จบแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงหยิบผ้าไตรที่พานแว่นฟ้านั้นพาดระหว่างพระกร แล้วประนมพระหัตถ์ผินพระพักตร์สู่พระประธาน ทรงว่า “นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ” จบ 3 หนแล้ว ผินพระพักตร์สู่ที่ชุมนุมสงฆ์ ทรงกล่าวคำถวายผ้าพระกฐิน ถัดมาทรงวางผ้าไตรไว้บนพานแว่นฟ้าที่เดิม ทรงประเคนเทียนปาฏิโมกข์แด่พระสงฆ์รูปที่ 2 ถวายความเคารพพระราชอาสน์แล้วทรงประทับบนเก้าอี้
พระสงฆ์ทำพิธีกฐินกรรม เมื่อพระผู้ครองผ้ากฐินออกไปครองผ้าพระกฐินเสร็จกลับมานั่งยังอาสนะแล้ว สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จพระราชดำเนินไปถวายเครื่องบริวารพระกฐินแด่พระผู้ครองผ้าพระกฐิน ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวานอนุโมทนา ถวายอดิเรก กรรมการวัดกราบบังคมทูลเบิกผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินบำรุงพระอารามเข้าเฝ้าฯ รับพระราชทานเข็มที่ระลึก จำนวน 130 ราย ถัดมาเสด็จพระราชดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ทรงลาพระสงฆ์ ถวายความเคารพพระราชอาสน์
สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จออกชานหน้าพระอุโบสถ ทรงพระสุหร่ายพระขุนพลชลมารค และทรงเจิมแผ่นทอง เงิน นาก สำหรับจัดสร้างวัตถุมงคลของพระอาราม ทรงจุดธูปเทียนถวายพระพุทธนฤมิตร พระพุทธรูปฉลองพระองค์รัชกาลที่ 2 ทรงกราบ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปยังพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระบรมรูป ทรงกราบ ถัดมาพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อย ถวายราชสักการะพระบรมรูป ทรงกราบ จากนั้นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พร้อมด้วยพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ ประทับรถยนต์พระที่นั่งหน้าวัดอรุณราชวราราม แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ.