กสท เดินหน้าแก้ไขสัญญา 3 จี “กสท–ทรู” จำนวน 6 ข้อ เตรียมส่งความคืบหน้าให้ กทค. 13 พ.ย. 55 ขณะที่บางส่วนยังต้องรอความชัดเจน
นายกิตติศักดิ์ ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ กสท เปิดเผยว่า ในขณะนี้การแก้ไขสัญญาโทรศัพท์เคลื่อนที่ 3จี รูปแบบใหม่ระหว่าง กสท กับกลุ่มบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตามคำสั่งของคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) จำนวน 6 ข้อ เบื้องต้นตัวสัญญาแก้ไขเกือบเสร็จแล้ว เนื่องจาก กสท ใช้แนวทางการเจราจากับกลุ่มทรูแบบพันธมิตรทางธุรกิจ โดยคาดว่า กสท จะสามารถส่งเอกสารรายละเอียดการเจราจาได้ในช่วงที่ กทค. กำหนด คือก่อนวันที่ 13 พ.ย. 55 ส่วนประเด็นการแก้ไขที่มีความเกี่ยวข้องกับกฎหมาย พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมหรือดำเนินงานในกิจการของรัฐ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. ร่วมทุนฯ) ต้องได้รับความชัดเจนจากกฤษฎีกาก่อน เนื่องจาก พ.ร.บ.กสทช. ไม่ได้ครอบคลุมกฎหมายดังกล่าว ซึ่งในส่วนนี้อาจไม่ทันตามกำหนดแต่สามารถขอขยายเวลาได้ซึ่งต้องรอความชัดเจน
นายกิตติศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการร่วมธุรกิจกันระหว่าง กสท กับ กลุ่มทรู อยู่ภายใต้สัญญาใหม่ ดังนั้น กสท ต้องได้รับส่วนแบ่งรายได้จากการให้บริการแบรนด์ ทรูมูฟเอช จำนวน 7,000 ล้านบาททันที ภายหลังจากได้แก้ไขสัญญา 6 ข้อ ที่ กทค. สั่งมาให้ถูกต้อง ส่วนกรณีที่บอร์ด กสท มีมติให้กลุ่มทรู และ กสท ต้องยุติการดำเนินการทั้งการออกแพ็กเกจ การทำการตลาด ในสัญญา 3 จี ดังกล่าวนั้น ขณะนี้กลุ่มทรูยังดำเนินการออกโปรโมชั่นต่าง ๆ อยู่นั้นถือเป็นสิทธิของกลุ่มทรูที่ กสท ห้ามไม่ได้ แต่ในส่วนของ กสท เมื่อมีมติบอร์ดและสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ ให้ กสท ยุติการดำเนินการในธุรกิจ 3จี แบรนด์ “มาย” กสท ก็จะต้องยุติการดำเนินงาน แต่จะยังคงให้บริการตามเดิม ทั้งนี้ กสท เป็นหน่วยงานรัฐไม่สามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งจะไม่เหมือนกับเอกชน
“ยืนยัน และให้เชื่อมั่นว่า กสท ได้แก้ไขสัญญาไปกว่า 99% แล้ว การพูดคุยกับกลุ่มทรูเป็นไปอย่างราบรื่น เนื่องจากเราดูภาพรวมของธุรกิจมากกว่าใช้กฎหมายมาเจราจา เนื่องจาก กสท กำลังจะฟื้นตัวทำธุรกิจเพื่อหารายให้กับองค์กรของตัวเองเช่นกัน” นายกิตติศักดิ์ กล่าว.