1 พ.ย.นี้เปิดใช้ทางยกระดับสุวินทวงศ์ คนฝั่งตะวันออกเฮหลังผจญรถติดกว่า 4 ปี

1 พ.ย.นี้เปิดใช้ทางยกระดับสุวินทวงศ์ คนฝั่งตะวันออกเฮหลังผจญรถติดกว่า 4 ปี


รายงานข่าวจากสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร (กทม.) แจ้งว่า จากที่ กทม.ได้ลงนามสัญญาว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างทางยกระดับบนถนนสุวินทวงศ์ ซึ่งเป็นโครงการก่อสร้างทางยกระดับข้ามแยกที่ยาวที่สุดที่กทม.ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2552  หรือเป็นเวลา 4 ปีซึ่งโครงการก่อสร้างมีความล่าช้า ประกอบกับที่ผ่านมาเกิดอุทกภัยใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพฯ

โดยเฉพาะในพื้นที่ฝั่งตะวันออก  โดยเฉพาะในพื้นที่มีการก่อสร้างโครงการฯ ทำให้กทม.ต้องขยายเวลาดำเนินการหลายครั้ง รวมทั้งการก่อสร้างที่ใช้ผิวการจราจรบริเวณกลางถนนสุวินทวงศ์ ตลอดความยาวกว่า 3 กิโลเมตร และมีทางแยกตัดกับถนนสายหลักในพื้นที่ฝั่งตะวันออก ทำให้มีปัญหาการจราจรติดขัดตลอดเวลา ซึ่งขณะนี้ กทม.ได้เร่งรัดผู้รับเหมาและการก่อสร้างมีความคืบหน้าใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว คาดว่าจะเปิดการจราจรได้ภายในต้นเดือน พ.ย.นี้  โดยตั้งเป้าที่จะเปิดเดินรถบนทางยกระดับทั้ง 4 ช่องจราจรให้ได้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 55 เป็นต้นไป และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการรองรับการเดินทางไปสู่สนามบางกอก ฟุตซอล อารีน่า ที่ กทม.ก่อสร้างเพื่อใช้ในการแข่งขันฟุตซอลโลกในพื้นที่หนองจอก

ทั้งนี้สำหรับทางยกระดับบนถนนสุวินทวงศ์  มีช่วงยกระดับความยาว 2 กิโลเมตร รวมความยาวทั้งโครงการ 3.6 กิโลเมตร ข้าม 3 ทางแยก ได้แก่ ทางแยกถนนนิมิตใหม่ ถนนรามคำแหง และถนนราษฎร์อุทิศ เป็นทางยกระดับขนาด 4 ช่องจราจร ไป-กลับ ขณะนี้ผิวการจราจรรวมทั้งงานตีเส้นจราจรเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยอยู่ระหว่างการติดป้ายเตือน ป้ายบอกทาง และระบบไฟฟ้าส่องสว่างบนทางยกระดับ ซึ่งระบบความปลอดภัยทั้งหมดจะต้องเรียบร้อยก่อนเปิดให้บริการ โดยเมื่อเปิดใช้ช่องทางด้านบนแล้ว  จะให้ผู้รับเหมาปรับปรุงถนนทางราบด้านล่าง รวมทั้งงานรื้อและขยายสะพานข้ามคลอง งานก่อสร้างสะพานคนเดินข้ามก่อสร้างท่อระบายน้ำ พร้อมบ่อพัก ซึ่งจะต้องใช้เวลาปรับปรุงถนนพื้นราบอีกประมาณ 6 เดือน  ซึ่งจะทำให้การเดินทางในถนนสุวินทวงศ์และบริเวณจุดตัดทางแยกทั้ง 3 ทางแยกในแนวถนนดังกล่าวคล่องตัวขึ้น หลังจากที่ผ่านมาในช่วงการก่อสร้าง ทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดเพราะนอกจากผิวการจราจรที่หายไปเพราะต้องใช้พื้นที่ก่อสร้างแล้ว ถนนด้านล่างยังชำรุดเป็นอย่างมากเนื่องจากในเส้นทางดังกล่าวมีรถบรรทุกขนาดใหญ่วิ่งผ่าน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์