เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ห้องประชุม อบต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ อินทรขาว ผู้บัญชาการสำนักคดีความมั่นคง กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายเพชราวุธ ชูอำนาจ นายก อบต.บ้านป้อม นายปรีชา ขันธไพรศรี รองนายกเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา เจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ จาก หมู่ 8และ11 ต.บ้านป้อม กว่า 50 คน ได้ร่วมประชุมรับฟังข้อคิดเห็นเสนอแนะการแก้ไขปัญหาบ่อขยะ ของเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ที่ชาวบ้านร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหามลภาวะเป็นพิษ รวมทั้งเกิดภาวะน้ำเสียรอบบริเวณ
พ.ต.ท.พงษ์อินทร์ กล่าวว่า จากการบินสำรวจพื้นที่บ่อขยะซึ่งมีเนื้อที่30 กว่าไร่เป็นที่ดินของเทศบาลพบว่าปริมาณขยะมีการสะสมประมาณ300,000 ตัน สูงเท่าภูเขาส่งผลให้แอ่งน้ำที่อยู่ภายในกองขยะและรอบกองขยะมีสีเขียวคล้ำส่งกลิ่นเหม็น ซึ่งจะต้องหาทางแก้ไขต่อไป
อย่างไรก็ตามจากการฟังข้อมูลของทุกฝ่ายจะร่วมกับกรมควบคุมมลพิษตรวจสอบน้ำที่แพร่กระจายจากกองขยะว่าเข้าค่ายผิดกฎหมายข่้อใด โดยกรมควบคุมมลพิษจะเริ่มทำการตรวจในวันที่ 17 ต.ค.เป็นต้นไป คาดว่าภายใน 1 สัปดาห์ก็จะทราบผล และรู้ว่ามลพิษเกิดจากกลุ่มขยะชนิดใด มีต้นตอจากภาคอุตสาหกรรมหรือภาคครัวเรือน ทั้งนี้เบื้องต้นทางเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา รับปากว่าจะปรับปรุงเรื่องถนนเข้ากองขยะและดูเรื่องน้ำเสีย เพื่อให้ประชาชนไม่ได้รับความเดือดร้อน
นายปรีชา กล่าวว่า บ่อขยะเกิดขึ้นเมื่อ40 ปีที่แล้ว เดิมพื้นที่รอบบ่อขยะเป็นพื้นที่การเกษตร แต่ปัจจุบันมีภาคอุตสาหกรรมเข้ามาอยู่จำนวนมาก ทำให้มีประชากรแฝงเพิ่มมากขึ้น ปริมาณขยะจึงเพิ่มตามเป็นเงา โดยแต่ละวันจะมีขยะจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นถึง30 แห่ง นำมาทิ้งเฉลี่ยรวมวันละ 200 ตัน ทำให้เกิดการสะสมเป็นกองสูงจากพื้นดินประมาณ 15 เมตร ซึ่งเกินขีดความสามารถของเทศบาลที่จะเข้าไปจัดการ แต่ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้พยายามเสนอโครงการจัดการขยะมูลฝอยแบบบูรณาการ ด้วยวิธีการใช้เทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงทางความร้อน โดยการก่อสร้างโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าจากขยะมูลฝอยให้รัฐบาลพิจารณา หากจะทำโครงการดังกล่าวให้สำเร็จจะต้องใช้งบประมาณถึง 200 ล้านบาท แต่เบื้องต้นได้ใช้สารอีเอ็มทิ้งใส่น้ำเป็นเพื่อเป็นการระงับมลพิษแล้ว รวมทั้งจะปรับปรุงถนนทางเข้าบ่อขยะให้ดีขึ้น
นายบุญเสริม แสงอรุณ ชาวบ้านป้อม กล่าวว่า ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นของกองขยะมานาน หนักที่สุดคือน้ำจากองขยะไหลลงบริเวณที่นาของชาวบ้าน ทำให้เป็นแหล่งเพาะเชื้อโรค ส่วนกองขยะก็มีแมลงวัน หนู สุนัข นกชนิดต่างๆเป็นจำนวนมากมาหากิน ช่วงฤดูร้อนจะเกิดลมพายุพัดเอาขยะปลิวไปตกตามบ้านเรือน ก่อความเดือดร้อน โดยเฉพาะพื้นที่นาของตนทำนาปลูกข้าวไม่ได้ ส่วนพื้นที่นาของเพื่อนบ้าน เกือบทั้งทุ่ง ลามไปถึง ต.บ้านกลึง อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา ข้าวจะเติบโตช้า และออกรวงไม่ได้ตามที่กำหนด จึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรีบเข้ามาช่วยแก้ปัญหาด้วย