สุวรรณภูมิ ระวัง..! เวียดนาม มาแล้ว

เวียดนามฟันธงสร้างสนามบินอีกแห่ง $5 พันล้าน


โครงการก่อสร้างท่าอากาศยานขนาดใหญ่แห่งใหม่ แทนท่าอากาศยานโนยบ่าย (Noi Bai) กรุงฮานอย ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากผู้เชี่ยวชาญด้านการบินของเวียดนาม ซึ่งเป็นนักยุทธศาสตร์การบินพลเรือนที่มีชื่อ เคยดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับการออกแบบท่าอากาศยานของประเทศโดยเฉพาะ

นายฟานวันหงิ (Phan Van Nghi) อดีตผู้อำนวยการสถาบันออกแบบท่าอากาศยาน ในสังกัดกรมใหญ่การบิน (Aviation General Department) กระทรวงกลาโหมเวียดนาม ได้ให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre) ฉบับวันจันทร์ (12 ก.พ.) ที่ผ่านมา ระบุว่า จ.หายเยวือง (Hai Duong) ทางตะวันออกของกรุงฮานอย เหมาะสมที่สุดสำหรับการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่

โครงการสนามบินที่ยังไม่ได้ตั้งชื่ออย่างเป็นทางการแห่งนี้ บรรจุอยู่ในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับใหม่ เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมในเขตที่ราบปากแม่น้ำแดงรอบๆ กรุงฮานอย

ซึ่งจะต้องมีขีดความสามารถในการรับ ผู้โดยสารปีละ 60-80 ล้านคน รับส่งสินค้าอีก 1.5-5 ล้านตันต่อปี มีพื้นที่ทั้งหมด 3,000-4,000 เฮกตาร์ (18,700-25,000 ไร่) ประกอบด้วยทางวิ่งขึ้นลงของเครื่องบิน (รันเวย์) 2-3 ทาง ด้วยมูลค่าก่อสร้าง 4,000-5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ตามแผนการนั้น ท่าอากาศขนาดใหญ่ในภาคเหนือแห่งนี้จะต้องเปิดใช้การให้ได้ภายในปี 2563 ปีที่เวียดนามจะเปลี่ยนไปเป็นประเทศอุตสาหกรรม


นายหงิ กล่าวว่า


ในปัจจุบันถึงแม้ท่า โนยบ่าย จะมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ "ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงฮานอย" ก็ตาม

แต่ที่นั่น ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรที่จะเป็นท่าอากาศยานนานาชาติ ตามมาตรฐานสากลได้ และ ไม่สามารถจะขยายได้อีกต่อไป เนื่องจากคับแคบมากและยังถูกจำกัดด้วยพื้นที่ของกองทัพอากาศ ที่จะต้องขยับขยายเช่นเดียวกันในอนาคต

"สนามบินเกือบทุกแห่งในเวียดนาม สร้างขึ้นเพื่อสนองเป้าหมายด้านกลาโหม และสนามบินทุกแห่งก็ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงของสงคราม สนามบินทุกแห่งในภาคเหนือสร้างขึ้นมาเพื่อการป้องกันทางอากาศเมืองหลวง โนยบ่ายเป็นสนามบินทหารอันดับหนึ่ง" นายหงิกล่าว

ผู้เชี่ยวชาญคนนี้ยังระบุด้วยว่า โนยบ่ายเป็นปราการสำคัญของกองทัพอากาศ ซึ่งไม่สามารถจะเปลี่ยนแปลงให้เป็นอื่นได้ สร้างเมื่อปี 2504 ที่นั่นได้ถูกใช้เป็นสนามบินพาณิชย์ครั้งแรกหลังสงครามสงบลงในปี 2518 มีการขยายครั้งแรกในปี 2521 ในปี มีความพยายามขยายอีกครั้งในปี 2537 แต่ไม่สำเร็จ และ กลายเป็นโครงการบนแผ่นกระดาษมากระทั่งทุกวันนี้

ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีทางวิ่งขึ้นลง 2 ทางแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่พอที่จะสนองความต้องการด้านการบินพลเรือนที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า ซึ่งสนามบินจะต้องรองรับผู้โดยสารปีละหลายล้านคน เพราะฉะนั้นความคิดแบบ "2 ใน 1" (Two in One) จึงใช้ไม่ได้อีกต่อไป


ท่าอากาศยานแห่งใหม่จำเป็นที่จะต้องมีขนาดใหญ่


สามารถรองรับเครื่องบินลำตัวกว้างรุ่นใหม่ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่ผู้ผลิตรายใหญ่ของโลกล้วนแต่ผลิตเครื่องบินขนาดใหญ่ออกสู่ตลาดโลกในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นแอร์บัส A380 หรือ โบอิ้ง 787 ที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 500 คนขึ้นไป ทุกประเทศทั่วโลกล้วนแต่กำลังสร้างท่าอากาศยานที่ใหญ่โตขึ้นด้วยเหตุเหล่านี้ นายหงิกล่าว


สนามบินนานาชาติแห่งใหม่ตั้งอยู่ในใจกลางของภาคเหนือ


ส่วนอีกทางหนึ่ง หลังจากที่มีการถกเถียงกันมาเป็นเวลานับ 10 ปี เวียดนามกำลังอยู่ในกระขบวนการเตรียมการก่อสร้างสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งในภาคใต้ของประเทศ เพื่อเป็นศูนย์กลางการบินรองรับการพัฒนาเขตนครโฮจิมินห์ จ.ด่างนาย (Dong Nai) และ จ.บ่าเหรียะหวุงเต่า (Ba Ria-Vung Tao)

สนามบินนานาชาติที่เมืองลองแท็ง (Long Thanh) จ.ด่งนาย จะมีมูลค่าก่อสร้างราว 8,000 ล้านดอลลาร์ รองรับผู้โดยสารได้ปีละ 80-100 ล้านคน ขนสินค้าอีก 5-10 ล้านตัน อยู่ห่างจากนครโฮจิมินห์ราว 30 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยรองรับความแออัดของท่าอากาศยานนานาชาติเติ่นเซินเญิต (Tam Son Nhat) ที่ไม่สามารถขยายต่อไปได้อีก

รัฐบาลเวียดนามได้อนุมัติ แผนแม่บทการก่อสร้างสนามบินลองแท็ง (Long Thanh) ในเดือน ก.ค.2548 องค์การบริหารการบินเวียดนามได้ใช้เวลาในการศึกษาความเป็นไปได้ เป็นเวลา 1 ปีกับ 6 เดือน จนกระทั่งแล้วเสร็จในสิ้นปี 2549


เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จในอีก 5-6 ปีข้างหน้า


ลองแท็ง ก็จะเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใช้พื้นที่ราว 5,000 เฮกตาร์ (ประมาณ 31,250 ไร่) ประกอบด้วย 4 รันเวย์ ความยาวช่องทางละ 4,000 เมตร มีขนาดความกว้างของรันเวย์ 60 เมตร ตามมาตรฐานการบินระหว่างประเทศ เพื่อรองรับเครื่องบินโดยสารขนาดใหญ่ทุกชนิด

ทางการเวียดนาม ได้ประกาศชัดที่จะให้ท่าอากาศยานแห่งนี้ชิงความเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค กับท่าอากาศยานในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งท่าอากาศยานสุวรรณภูมิของไทยด้วย

เจ้าหน้าที่ของทางการกล่าวว่า หลังการก่อสร้างท่าอากาศยานขนาดใหญ่ในภาคใต้แล้วเสร็จ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องก่อสร้างท่าอากาศยานใหญ่ในภาคเหนือ ซึ่งจะทำให้มีเวลาในการเตรียมความพร้อมอย่างเพียงพอ ทั้งในด้านการออกแบบและเงินทุน

เวียดนามได้ศึกษาความเป็นไปได้ โครงการก่อสร้างสนามบินนานาชาติขนาดใหญ่ในภาคเหนือมาตั้งแต่ปีที่แล้ว มีการระดมความคิดเห็นจากภาคส่วน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมการบินอย่างกว้างขวาง

ผู้เชี่ยวชาญจากสมาคมวางแผนและพัฒนาตัวเมืองแห่งเวียดนาม (Urban Planning and Development Association) ได้สนับสนุนให้มีการก่อสร้างสนามบินขึ้นใน จ.หายเยวือง เนื่องจากมีทำเลที่เหมาะสม อยู่ติดกับกรุงฮานอยทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ ที่นั่นกำลังจะเป็นศูนย์การอุตสาหกรรมแห่งใหม่


ท่าอากาศยานนานาชาติ จะเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ใหญ่โตมาก


"ถ้าเราสร้างท่าอากาศยานนานาชาติ ที่มีขีดความสามารถรับผู้โดยสารได้ 40-50 ล้านคนต่อปี จะเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ใหญ่โตมาก" ศ.เหวียนเท้บ่า (Nguyen The Ba) นายกสมาคมดังกล่าว บอกกับที่ประชุมสัมมนาแห่งหนึ่งในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว

นักยุทธศาสตร์การพัฒนาเขตเมืองและการบินเหล่านี้ ได้เสนอให้รัฐบาลจัดสร้างระบบทางด่วน และระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่เชื่อมท่าอากาศยานหายเยวือง กับกรุงฮานอย และ เมืองท่าหายฟ่อง (Hai Phong)

ซึ่งเป็นท่าเรือขนาดใหญ่ ใน จ.กว๋างนิง (Quang Ninh) ซึ่งเป็นเขตที่มีอุตสาหกรรมแออัดมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ.



ขอขอบคุณ : ข้อมูลข่าวที่มีคุณภาพ

โดย ผู้จัดการออนไลน์
จาก หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์