ททท.นำทัพเอกชนบุกรัสเซียทำตลาดชิงนักท่องเที่ยวมาไทย

ททท.นำทัพเอกชนบุกรัสเซียทำตลาดชิงนักท่องเที่ยวมาไทย


ตลาดยุโรปเป็นตลาดสำคัญของการท่องเที่ยวไทยมานาน เป็นตลาดที่มีวันพักเฉลี่ยสูง ใช้จ่ายมาก เนื่องจากการเดินทางมาเที่ยวแต่ละครั้งใช้เวลาเดินทางนาน จึงต้องการเที่ยวให้คุ้มค่า แต่ขณะนี้ยุโรปเผชิญวิกฤติเศรษฐกิจหนักขึ้นทุกวัน จนทำให้คนยุโรปกำลังซื้อลดลง เมื่อเป็นเช่นนี้ภาคท่องเที่ยวไทยจึงต้องเบนเข็มการทำตลาดรับมือกับสถานการณ์ ซึ่งการเจาะตลาดประเทศในยุโรปที่ไม่ได้รับผลกระทบวิกฤติเศรษฐกิจ เป็นทางเลือกหนึ่ง โดยเฉพาะรัสเซียที่กำลังเนื้อหอม เพราะนอกจากไม่สะทกสะท้านวิกฤติยุโรปแล้ว เศรษฐกิจยังดีวันดีคืน



ล่าสุด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ขนทัพเอกชน 37 ราย ร่วมงานแมทธิว-ลีเชอร์ 2012 วันที่ 19-22 ก.ย. ที่ผ่านมา ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย โดยงานนี้เป็นงานส่งเสริมการขายด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญในตลาดรัสเซีย รวมถึงประเทศในกลุ่มเครือรัฐเอกราช (ซีไอเอส) หรือประเทศที่แตกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียตนั่นเอง

โดยในงานเน้นขนสินค้าการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและความงามมานำเสนอ เช่น จัดกิจกรรมนวดไทย ในพื้นที่จัดงานของไทย ให้คนที่ร่วมงานได้ทดสอบ เปิดโอกาสให้โรงพยาบาลเอกชนที่ต้องการเจาะตลาดรัสเซีย เสนอสินค้าและบริการการแพทย์กับตัวแทนจำหน่ายท่องเที่ยว และประชาชนที่ร่วมงาน และมีทีเด็ดนำนักมวยไทยมาร่ายรำการไหว้ครูและออกลีลาเตะต่อยด้วยแม่ไม้มวยไทย มานำเสนอให้คนร่วมงานได้ตื่นเต้นระทึกใจทุกวัน สร้างกระแสให้คนอยากมาเรียนมวยไทยถึงเมืองไทยด้วย


นอกจากนี้หลังจบงาน ททท. ยังจัดงานไทยแลนด์ แฟนคลับ ค็อกเทล รีเซฟชั่น เอาใจแฟนพันธุ์แท้ชาวรัสเซีย และประเทศในกลุ่มซีไอเอส ที่ชื่นชอบเมืองไทย นำกิจกรรมทั้งหมดที่ขนไปโชว์ในงานแมทธิว-ลีเชอร์ มาให้แฟนคลับในงานได้สัมผัส แถมด้วยมินิคอนเสิร์ตจากศิลปินไทย ฟอร์ด-สบชัย ไกรยูรเสน สร้างบรรยากาศในงานให้น่าสนุกขึ้น โดยแฟนคลับที่มาร่วมงานมีประมาณ 200 คน ถูกคัดเลือกจากแฟนคลับทั้งหมดในสังคมออนไลน์ ที่ ททท. มีฐานข้อมูลอยู่


“อักกพล พฤกษะวัน” ที่ปรึกษา ระดับ 11 ททท. ระบุว่า 7 ปีที่ผ่านมาตลาดรัสเซียเปลี่ยนไปมาก จากที่เคยมีนักท่องเที่ยวรัสเซียมาไทยปีละไม่ถึง 100,000 คน ปัจจุบันกระโดดขึ้นมากว่า 1 ล้านคนแล้ว และมีศักยภาพเติบโตอีกไกล เพราะรัสเซียจัดเป็นประเทศที่เศรษฐกิจแข็งแกร่ง ติด 1 ใน 4 มหาอำนาจทางเศรษฐกิจยุคนี้ ซึ่งเรียกรวมกันว่า บริค (บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย และจีน) การที่ ททท. มาร่วมงาน แมทธิว–ลีเชอร์ จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ตลาดรัสเซียรู้จักสินค้าและบริการท่องเที่ยวใหม่ ๆ ของไทย โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ที่จะผลักดันให้นักท่องเที่ยวรัสเซียที่มาไทย เป็นกลุ่มที่ใช้จ่ายมีคุณภาพ พักในไทยนานขึ้น

ขณะเดียวกันการจัดงานไทยแลนด์ แฟนคลับฯ หลังจบงาน ยังทำให้ ททท. ได้สานสัมพันธ์กับแฟนพันธุ์แท้ชาวรัสเซีย และประเทศในกลุ่มซีไอเอส ให้กลุ่มคนเหล่านี้เป็นกระบอกเสียงกระจายข่าวเมืองไทย สร้างกระแสให้คนอื่นอยากมาเที่ยวไทยด้วย

อย่างไรก็ตามแม้ตลาดรัสเซียจะเป็นตลาดเนื้อหอม แต่ยอมรับว่ายังมีอุปสรรคสำคัญอยู่ คือ ภาษา เพราะคนรัสเซียส่วนใหญ่ไม่พูดภาษาอังกฤษ ดังนั้นไทยต้องเร่งพัฒนาคนไทยให้รู้ภาษารัสเซียมากขึ้น ไม่เช่นนั้นไทยอาจเจองานหนักขึ้นในอนาคต เพราะปัจจุบันประเทศเวียดนาม เพื่อนบ้านของไทย กำลังตีตื้นดึงคนรัสเซียเข้าไปเที่ยวตามไทยมาติด ๆ และคนเวียดนามที่พูดภาษารัสเซียได้

“8 เดือนที่ผ่านมา คนรัสเซียมาเที่ยวไทยแล้ว 780,337 คน เพิ่มขึ้น 19.96% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และสิ้นปีนี้ นักท่องเที่ยวรัสเซียมาไทย มีโอกาสแตะ 1.2 ล้านคนแน่นอน และอาจจะขยับขึ้นมาเป็นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ อันดับ 3 ของไทย แซงหน้าตลาดญี่ปุ่นได้ หากตลาดญี่ปุ่นยังขยับขึ้นอย่างช้า ๆ เหมือนปัจจุบัน โดยเท่าที่ทราบ เดือน ต.ค.55-มี.ค.56 จะมีเที่ยวบินเช่าเหมาลำ (ชาร์เตอร์ไฟลต์) บินตรงจากรัสเซีย รวมถึงประเทศในกลุ่มซีไอเอส เข้าไทยมากถึง 1,400-1,500 เที่ยวบิน จากสายการบินแอร์ไซบีเรีย, นอร์ท  วิง และทรานแอโรว์ นอกจากนี้ยังมีเที่ยวบินปกติเข้าไทยของสายการบินไทย และแอโรว์   ฟล็อตอีก”

“ภาสกร สุพรรณพันธุ์” ผู้อำนวยการ ททท. สำนักงานมอสโก กล่าวเสริมว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือตัวแทนจำหน่ายทัวร์ในรัสเซีย ให้ทดลองขายแพ็กเกจท่องเที่ยวระดับบนมากขึ้น โดยเน้นที่แพ็กเกจท่องเที่ยวพร้อมใช้บริการทางสุขภาพและความงาม การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวด ล้อม และการเล่นกอล์ฟ เพื่อดึงคนรัสเซียที่เที่ยวไทยให้พักนานขึ้น ใช้จ่ายสูงขึ้น จากเดิมหากเป็นกลุ่มที่ซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวทั่วไป จะมาพักเฉลี่ย 8-9 วัน และระหว่างพัก แทบไม่ใช้จ่ายด้านอื่นเลย

ทั้งนี้ ททท. มั่นใจกับการเจาะตลาดระดับบนในรัสเซีย เพราะไทยมีจุดแข็งที่ดึงดูดใจให้คนรัสเซียอยากมา คือ คนรัสเซียที่มาไทย ไม่ต้องขอวีซ่า จึงลดค่าใช้จ่ายด้านค่าธรรมเนียมวีซ่าไป อีกทั้งการซื้อแพ็กเกจเที่ยวไทย จ่ายด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง ทำให้คนรัสเซียรู้สึกว่าซื้อแพ็กเกจเที่ยวไทยได้ราคาคุ้มค่าขึ้น ที่สำคัญไทยมีแหล่งท่องเที่ยวดึงดูดใจ ทั้งหาดทราย ชายทะเลที่น่ามานอนอาบแดด บริการของคนไทยที่เป็นมิตรกับต่างชาติ และการชอปปิง ที่มีแหล่งให้เลือกหลากหลาย

อย่างไรก็ตามไม่เพียงแต่ตลาดรัสเซียที่มีศักยภาพ ตลาดกลุ่มประเทศซีไอเอส ซึ่งมีอยู่ 10 ประเทศ ก็มีศักยภาพไม่แพ้กัน โดยเฉพาะประเทศที่มีชาร์เตอร์ไฟลต์เข้าไทยอย่าง ยูเครน คาซัคสถาน และอุซเบกิสถาน ซึ่งนอกจากจะดึงคนจากประเทศของตัวเองมาไทยได้ ยังดึงคนจากยุโรปตะวันออกที่มาต่อเครื่องบินในประเทศของตัวเองเพื่อมาเที่ยวไทยได้ด้วย

 ด้านภาคเอกชนที่มาร่วมงาน ได้แก่ “วุฒิชัย เหลืองอมรเลิศ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิตี้ วอล์ค ผู้ดำเนินธุรกิจสวนสนุกและสวนน้ำสวนสยาม ระบุว่า ได้เข้าร่วมงานส่งเสริมการขายในรัสเซียเป็นครั้งที่ 3 แล้ว เพราะต้องการเจาะตลาดนี้ เนื่องจากนักท่องเที่ยวรัสเซีย เป็นตลาดต่างชาติอันดับ 1 ที่ไปใช้บริการของสวนสยาม และผลักดันให้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมก้าวกระโดดรวดเร็ว โดยจากการเจาะตลาดรัสเซียอย่างหนัก ทำให้คาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวรัสเซียไปใช้บริการเกือบ 100,000 คน โดย 9 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวแล้ว 70,000 คน ซึ่งจุดขายสำคัญที่ทำให้คนรัสเซียอยากไป คือสวนสยาม มีทั้งสวนน้ำและสวนสนุกในพื้นที่เดียวกัน และราคาค่าใช้บริการคุ้มค่ามากกว่าเมื่อเทียบกับสวนสนุกและสวนน้ำในประเทศใกล้เคียง

ขณะที่ “นิล มานิกิส” ผู้จัดการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ โรงพยาบาลกรุงเทพฯ พัทยา ระบุว่า คนรัสเซียนิยมไปเที่ยวพัทยา ดังนั้นตลาดรัสเซียจึงเป็นเป้าหมายสำคัญของโรงพยาบาล โดยที่ผ่านมาคนรัสเซียมักไปใช้บริการตรวจเช็กสุขภาพครั้งใหญ่ และทำศัลยกรรม ซึ่งสาเหตุที่ไปใช้ เพราะไม่ต้องรอนานเหมือนการใช้โรงพยาบาลในประเทศ ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า 10 เท่า แต่ได้บริการที่ดี ที่สำคัญเมื่อใช้บริการการแพทย์แล้วยังท่องเที่ยวระหว่างพักฟื้นได้ด้วย

เรียกว่าทั้ง ททท. และเอกชน ต่างก็มั่นใจไปในทิศทางเดียวกันว่าตลาดรัสเซียจะเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ผลักดันให้การท่องเที่ยวไทยยังเติบโตอยู่ เมื่อเป็นเช่นนี้คนไทยคงต้องเตรียมรับมือกับตลาดนี้ให้ดี โดยเฉพาะการเรียนรู้ภาษารัสเซีย หากใครเรียนรู้ภาษานี้เอาไว้ ก็น่าจะเป็นโอกาสทองในการสร้างอาชีพในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และช่วยให้ตัวเองมีศักยภาพทำงานที่โดดเด่น ในยุคที่ไทยกำลังเข้าสู่การเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ปี 58 ที่จะมาถึงนี้.

จารุพันธ์ จิระรัชนิรมย์


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์