ประธานกรรมการ บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ชี้แจงข้อเท็จจริง ในเรื่อง หัวหน้าอุทยานทับลานให้ข่าวว่า ศาลสั่ง บ้านทะเลหมอก จ่ายเงินให้รัฐกว่า 10 ล้าน มีความคลาดเคลื่อน
วันนี้ (24 ก.ย.) นายสมชาย เพ็ญพัธนกุล ประธานกรรมการ บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ได้ชี้แจงถึง กรณีที่ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หน.อุทยานทับลาน และนายนุวรรต ลีลาพตะ ผช.หน.อุทยานทับลาน ได้เปิดเผยกับเดลินิวส์ออนไลน์ว่า เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า “ศาลสั่ง บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท จ่ายเงินให้รัฐกว่า 10 ล้านบาท”นั้น เป็นข้อมูลการให้ข่าวที่คลาดเคลื่อนหลายประเด็น จึงขอชี้แจงดังนี้ เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ที่ศาลจังหวัดกบินทร์บุรี มีคำพิพากษาตัดสินคดีแพ่ง กรณีอุทยานแห่งชาติ เป็นโจทย์ฟ้อง บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ที่ตกเป็นจำเลยจำเลย ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่รัฐพร้อมดอกเบี้ยนั้น บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ขอน้อมรับคำตัดสินของศาลด้วยความเคารพ และขอต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ตามกระบวนการยุติธรรม
นายสมชาย ได้ชี้แจงต่อว่า บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท นั้น ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนกว่าร้อยหลังคาเรือน ได้ทำประโยชน์ให้กับประชาชนก่อนรัฐจะกำหนดเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติอุทยานทับลาน ซึ่งในการจับกุมนั้น บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ได้ปฏิเสธเรื่องการบุกรุกพื้นที่อุทยานมาโดยตลอด
“การที่ จนท.อุทยานอ้างว่า ได้เข้าตรวจสอบ บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท แล้วพบว่า เจ้าของพยายามซ่อมแซมปรับปรุงเพื่อเปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่งนั้น ขอชี้แจงว่า บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ตั้งอยู่กลางชุมชน ประกอบกับในช่วงนี้มีลมกระโชกแรง ทำให้ซากโครงสร้างที่ถูก จนท.รื้อค้างไว้อาจหล่นลงมาจนเกิดอันตราย ทางบ้านทะเลหมอก รีสอร์ท เกรงว่าอาจจะเกิดอันตรายแก่ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชน จึงต้องเข้าดำเนินการรื้อถอน ด้วยความรอบคอบภายใต้การดูแลของวิศวกร โดยมิได้มีการปรับปรุงเพื่อเปิดให้บริการแต่อย่างใด” นายสมชาย กล่าว
ประธานกรรมการ บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ส่วนเรื่องการส่งจดหมายให้ระงับการซ่อมแซม แต่ทางไปรษณีย์ตีกลับนั้น ขอชี้แจงว่า บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท มิได้มีเจตนาไม่รับจดหมาย แต่เนื่องจากผู้ที่มีรายชื่อตามจ่าหน้าซองไม่อยู่จริง ตามในวันเวลาดังกล่าว แต่เมื่อทางอุทยาน ได้ส่งจดหมายกลับมาอีกครั้ง ก็ได้มีการลงลายมือชื่อรับจดหมายเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม บ้านทะเลหมอก รีสอร์ท อยากขอกราบเรียนด้วยความเคารพว่า เราไม่ใช่ผู้บุกรุกป่า ตลอด 14 ปีที่ผ่านมาเราอยู่อาศัยร่วมกับชาวบ้านในชุมชนบนผืนดินนี้ เราและชาวบ้านมอบความรัก ทุ่งเทแรงกายแรงใจ รวมทั้งกำลังทรัพย์ เพื่อหวังจะพลิกฟื้นผืนดินแห่งนี้ให้กลับเป็นผืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์ชุ่มชื้นด้วยธรรมชาติ และความสามัคคีของชาวบ้านร่วมกัน “เรารักษ์ป่าหนึ่งคนหนึ่งต้น” เพื่อให้ประชาชนมีจิตสำนึก และได้มีโอกาสทดแทนคุณแผ่นดินมาโดยตลอด