ฉุน ดำรงค์ สั่งรื้อท่าเรือเสม็ด ผู้ว่าฯระยอง แฉขวางทางเก็บส่วย

จากกรณีที่นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช

มอบให้ นายอาคม น้ำคำ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด อ.เมืองระยอง เข้าแจ้งความ อบจ.ระยอง กับบริษัทพระนครออกแบบและก่อสร้าง ในข้อหาบุกรุกอุทยานฯ โดยไม่ได้รับอนุญาต และกรมอุทยานฯ จะใช้มาตรา 22 ในการรื้อถอนการก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด หมู่ 4 ต.เพ อ.เมืองระยอง โดยติดประกาศให้ทราบ 2 ครั้ง ถ้าไม่ดำเนินการ กรมอุทยานฯ จะรื้อถอนเองนั้น

นายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่าพื้นที่ ที่อุทยานกล่าวอ้างเป็นพื้นที่ทับซ้อน อบจ.ระยองขออนุญาตถูกต้อง การก่อสร้างเนิ่นนานมาหลายเดือนแล้ว
 
ซึ่งการมาทักท้วงครั้งนี้ คงจะมีวัตถุประสงค์แอบแฝง ทำไมไม่ทักท้วงแต่แรกเริ่มก่อสร้าง และถ้ามีการเข้ามารื้อจริง ถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ เพราะถึงแม้ว่าอธิบดี จะไม่รู้กฎหมาย ก็ต้องเข้าใจกฎหมาย ท่าเรือแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ก็จริง แต่ก็สร้างในพื้นที่เดิมแทนสะพานเก่าที่ชำรุด โดยใช้เงินภาษีของประชาชนมาสร้าง และอยู่ในความดูแล รับผิดชอบของ อบจ.เป็นทรัพย์ของแผ่นดิน ไม่ใช่ของใคร หรือของหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง  การที่ อธิบดีกรมอุทยานฯ ทำเช่นนี้ ผมจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินคดี กับกรมอุทยานว่า สั่งการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ทำให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณชน ซึ่งต่อไปนี้ ภาพพจน์ของจังหวัดเสียหาย นักท่องเที่ยว เข้าใจว่า เกาะเสม็ดไม่มีท่าเรือหรืออย่างไร

นายเสนีย์ กล่าวต่อว่า การที่สร้างท่าเรือแล้ว อธิบดีขัดขวาง เพราะว่า กรมอุทยานฯ เปิดทั้งเกาะเก็บเงินเถื่อนทั้งเกาะเดินเก็บกับนักท่องเที่ยว หัวละ 100 -200
 
กระจายเก็บทั้งเกาะ อยากทราบว่า เงินเหล่านี้ไปไหน อยากให้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) เข้ามาตรวจสอบ อุทยานฯ ทั้งประเทศ เงินไปไหน เก็บอย่างนี้ผิดกฎหมายหรือไม่ การเก็บภาษีเถื่อนเข้ากระเป๋าใคร เอาเงินไปทำอะไร อยากให้กรมอุทยานฯ ยุติเรื่องนี้ แล้วมาทำงานร่วมกัน ยึดผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก การออกสื่อเพื่อความดัง ถ้าจะเป็นนักการเมืองก็เป็นไปแต่อย่ามาทำให้ จังหวัดนี้เสียหาย

ด้าน นายสยุมพร ลิ่มไทย อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวว่า

 โครงการก่อสร้าง ท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด เป็นโครงการที่ตนได้อนุมัติให้องค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง ดำเนินการในปี พ.ศ.2553 เนื่องจากสภาพท่าเทียบเรือเดิมชำรุดทรุดโทรมมาก และได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายช่างตรวจสอบแล้วไม่อาจซ่อมแซมได้อีกเพราะโครงสร้างของตอหม้อสึกกร่อน เกือบหมด อาจเป็นอันตราย แก่นักทอ่งเที่ยว และประชาชนที่ใช้ท่าเทียบเรือแห่งนี้ จึงให้ อบจ.ระยอง ออกประกาศระงับการใช้ท่าเทียบเรือและเร่งดำเนินการก่อสร้างใหม่

นายสยุมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า ไม่เข้าใจว่า ทำไม นายดำรงค์ พิเดช อธิบดีกรมอุทยานฯ มาเล่นงานโครงการของหน่วยงานภาครัฐ

ซึ่งทำเพื่อบริการสาธารณะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว และโครงการนี้ ยังเป็นโครงการ ที่ ที่ดำเนินการร่วมกันระหว่าง อบจ.ระยอง กับอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โดยมีบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กันไว้ตั้งแต่ปี 2552 แล้วมากล่าวหาว่า อบจ.ระยอง บุกรุกที่อุทยานได้อย่างไร จึงอยากให้ อธิบดีกรมอุทยาน ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้เกาะเสม็ดบ้าง เพราะอุทยานฯ มีรายได้จากการเก็บเงินไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท ถามว่าได้นำเงินเหล่านี้มาให้แก่ประชาชนบนเกาะเสม็ดหรือเปล่า เท่าที่ทราบมีเพียงปรับปรุงบ้านพัก หัวหน้าอุทยาน และสร้างห้องน้ำในอุทยานฯเท่านั้น สิ่งที่อุทยานทำให้ นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 คือปัญหาต่างๆ ที่เกิดจากการปล่อยปละละเลย  ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพื้นที่เขตอุทยานฯ ซึ่งมีข้อตกลงให้กันออก สำหรับประชาชนประมาณ 700 ไร่ แต่ในข้อเท็จจริงมีเพียง 281 ไร่ ปัญหาการปล่อยปละละเลยให้มีการก่อสร้างที่พัก รีสอร์ทโดยไม่ได้รับอนุญาตแบบ เกือบทั้งเกาะ ปัญหาขยะ น้ำเน่าเสีย ถนนชำรุด ฯลฯ อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแล แก้ไขปัญหาเกาะเสม็ดอย่างครบวงจร มิใช่ปล่อยให้บางหน่วยงานซึ่งขาดวิสัยทัศน์ แต่ถือกฎหมายอยู่ในมือ ออกมาฟาดงวงฟาดงาเหมือนในปัจจุบัน ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อนโยบายส่งเสริมการทอ่งเที่ยวของรัฐบาล

วันเดียวกันนี้ ที่ อบจ.ระยอง นางมัณฑนา แสงศิวะฤทธิ์ ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดระยอง นายศุภศักดิ์ ผุดผ่อง เลขานุการนายก อบจ.ระยอง

  ได้ประชุมเจ้าของสถานีวิทยุชุมชน ในจังหวัดระยอง กว่า 100 สถานี เข้ามารับฟัง ข้อเท็จจริง กรณีการสร้างท่าเทียบเรือเกาะเสม็ด ที่สร้างมาเพื่อประโยชน์ของประชาชน และสร้างอย่างถูกต้องตามกฎหมายทุกขั้นตอน เพื่อให้สถานีวิทยุชุมชนนำไปเผยแพร่ กระจายออกอาอากาศ ทางคลื่นวิทยุชุมชน ให้ประชาชน ได้เข้าใจถึงสาเหตุ และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น