นักอนุรักษ์ -ชาวอัมพวาฮือ ต้านรื้อบ้าน-ห้องแถวไม้โบราณ 100 ปีริมคลองอัมพวา
หลัง "ชูชัย ชัยฤทธิเลิศ" นักธุรกิจค้าเพชรชื่อดัง กว้านซื้อที่ดินทำโรงแรมแล้วสั่งรื้อ ก่อนจัดกิจกรรมร่วมวางดอกไม้-วาดภาพไว้อาลัย อดีตนางงาม "ป๊อป อารียา" เผยไม่อยากให้ความศิวิไลซ์-ธุรกิจทำลายธรรมชาติ อย่างเกาะสมุย-ปาย ด้านชูชัยแจงทำประชาพิจารณ์แล้วชาวบ้านไฟเขียว ไม่ได้เบียดเบียนใคร ระบุที่ดินซื้อมาถูกต้อง แถมเล็งผลักดันเป็นแหล่งท่องเที่ยว เปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้ามาขายของ
จากกรณีนายชูชัย ชัยฤทธิเลิศ อายุ 50 ปี นักธุรกิจค้าเพชรชื่อดังชาวกรุงเทพฯ
ลงทุนก่อสร้างโครงการชูชัยบุรีศรีอัมพวา โรงแรมระดับ 5 ดาว มูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อเป็นที่พักนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ริมคลองตลาดน้ำอัมพวา ถนนเลียบนที ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โดยกว้านซื้อที่ดินบริเวณดังกล่าวประมาณ 3 ไร่ ก่อนเตรียมไล่รื้อบ้านและห้องแถวไม้ริมคลองอัมพวา 12 ห้อง อายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ให้หมดภายในวันที่ 31 ส.ค. ตามที่เคยเสนอข่าวแล้วนั้น
ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 29 ส.ค. ชาวสมุทรสงคราม นักท่องเที่ยว นักอนุรักษ์และผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติห้องแถวเรือนไม้ริมคลองอัมพวา
ได้ชักชวนกันในโลกออนไลน์ ก่อนมารวมตัวกันบริเวณลานริมคลองวัดพระยาญาติ หรือวัดปากง่าม ซึ่งอยู่ตรงข้ามฝั่งคลองกับการก่อสร้างโครงการชูชัยบุรีศรีอัมพวา จากนั้นนำดอกกุหลาบมาวางบริเวณหน้าห้องแถวไม้โบราณ เพื่อร่วมไว้อาลัยให้กับบ้านที่ถูกไล่รื้อ โดยมีนักเรียน นิสิตนักศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ เช่น นักศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เข้าร่วมกิจกรรมรำลึก เช่น วาดภาพระบายสี การวางดอกกุหลาบไว้อาลัย นอกจากนี้ น.ส.อารียา สิริโสดา หรือป๊อป อดีตนางสาวไทยปี 2537 ได้มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ด้วย
นายบุญเกิด อารัมพจน์ อายุ 56 ปี เจ้าของบ้านเรือนไม้ห้องแถวริมคลองอัมพวา 1 ใน 12 ห้อง
ซึ่งกำลังเร่งเก็บสิ่งของเครื่องใช้ในบ้านและย้ายไปอยู่ที่อื่น กล่าวว่าบ้านหลังนี้ครอบครัวเช่าที่ดินปลูกสร้างห้องแถวอยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ ทำให้เกิดและโตก่อนทำมาหากินอยู่ที่นี่ จึงมีความผูกพันอย่างมาก และคิดว่าเกิดที่นี่ก็อยากจะตายที่นี่ แต่น่าเสียดายในช่วงปลายชีวิตต้องถูกไล่รื้อบ้าน จึงต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น ซึ่งยังไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนและตายที่ไหน
ขณะที่น.ส.อารียา สิริโสดา กล่าวว่าตนรักในวิถีชีวิตริมน้ำอัมพวามานานแล้ว เพราะครอบครัวเกิดริมน้ำที่จ.พระนครศรีอยุธยา
จึงเกิดความจดจำวิถีความเป็นไทยแบบริมน้ำ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับห้องแถวริมคลองอัมพวาครั้งนี้ รู้สึกใจหายว่านี่หรือคือความศิวิไลซ์ความเปลี่ยนแปลงที่คนเรียกว่า โมเดลหรือความเจริญ ซึ่งคนสมัยนี้คิดว่าเป็นอาคารคอนกรีต ห้างต่างๆ ในอดีตสถานที่ท่องเที่ยว เช่น เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และอ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ถูกทำลายธรรมชาติมาแล้ว ครั้งนี้อัมพวาที่เคยสวยงามกำลังจะถูกทำลายความเป็นวิถีชีวิตดั้งเดิมไปอีก ทำให้รู้สึกเห็นใจคนอัมพวา เพราะสถานที่จะเปลี่ยนจิตใจคนเป็นธุรกิจมากขึ้นและมุ่งแต่แสวงหาผลกำไร
ด้านนายชูชัยกล่าวว่า ก่อนจะก่อสร้างโรงแรมได้ทำประชาพิจารณ์กับชาวบ้านที่มีสำมะโนครัวกว่า 100 ครอบครัว
ซึ่งชาวบ้านมีความยินดีอย่างมากที่จะมาทำโครงการนี้ อีกทั้งพื้นที่ก่อสร้างก็ไม่ได้ไปเบียดเบียนใคร เพราะเป็นพื้นที่เปล่าที่ซื้อต่อมาอีกทอด และได้ออกแบบโครงการ โดยมีกฎหมายรับรองว่าสามารถสร้างได้ ทั้งนี้ ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 500 ล้าน ดำเนินการไปประมาณร้อยละ 50 ซึ่งตนไม่ได้เป็นนักธุรกิจที่คิดจะหากำไรหรือหวังทำ เพื่อคืนทุน แต่ที่ทำเพราะอยากให้อะไรแก่สังคม โดยโรงแรมที่คิดสร้าง เนื่องจากไม่อยากสร้างบ้านไม้ เพื่อไปแย่งกลุ่มลูกค้าคนอื่น และจะเป็นโรงแรมสำหรับลูกค้าพรีเมี่ยม โดยเน้นลูกค้าชาวต่างชาติ ในส่วนของท่าน้ำตั้งใจให้ชาวบ้านในพื้นที่ได้พายเรือมาขายของฟรีและใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งตอนนี้ก็มีผู้เข้ามาลงทะเบียนแล้วกว่า 100 ลำ
สำหรับกรณีที่วิพากษ์วิจารณ์และคัดค้านการรื้อเรือนไม้ริมคลองนั้น นายชูชัยกล่าวว่า ไม่ใช่กลุ่มของชาวบ้านในพื้นที่แน่นอน เพราะพูดคุยและชาวบ้านก็รู้สึกดีใจที่มาทำโครงการนี้ ส่วนกลุ่มที่ออกมาต่อต้านนั้น ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เพราะคิดว่าคงเป็น กลุ่มที่รักอัมพวาเหมือนกัน