วันนี้ (27 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
แถลงถึงการที่นายปราโมทย์ ไม้กลัด กรรมการยุทธศาสตร์เพื่อวางระบบการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ(กยน.) ที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลบริหารจัดการน้ำผิดพลาด ส่งผลให้เกิดปัญหาภัยแล้งในขณะนี้ว่า รัฐบาลจำเป็นที่ต้องทำให้เห็นว่าในปีนี้หรือช่วงหลายปีจากนี้ ต้องมีการป้องกันประเทศไทยให้มีความปลอดภัย ไม่เกิดน้ำท่วมอีกเหมือนปีที่แล้ว ซึ่งสร้างความเสียหายส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ ภูมิภาค และของโลก การกล่าวหาว่ารัฐบาลกลัวน้ำท่วมอย่างเดียวไม่ใส่ใจเรื่องฝนแล้งถือว่าไม่เป็นธรรม เพราะรัฐบาลใส่ใจกับปัญหาฝนแล้งที่ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากด้วย แต่ปัญหาน้ำท่วมสร้างความเสียหายมากกว่า รัฐบาลจึงต้องยอมกู้เงิน 3.5 แสนล้านบาท ซึ่งการไม่ให้น้ำท่วมนั้นต้องมองโจทย์น้ำท่วมเป็นหลัก จึงต้องลดปริมาณยอดของน้ำ หาที่ให้น้ำอยู่ และระบายลงทะลโดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้การที่นายปราโมทย์ระบุว่าเสียดายน้ำที่ถูกระบายทิ้งนั้น ที่จริงแล้วไม่ใช่ คณะกรรมการระบายน้ำที่นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งให้ตั้งขึ้นมา
ซึ่งมีนายรอยล จิตรดอน ผู้อำนวยการสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร เป็นประธานนั้น มีหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเรื่องน้ำ 14 หน่วยงาน มีประชุมทุกสัปดาห์ แลกเปลี่ยนข้อมูลทุกวินาที ทุกวัน และรายงานมาถึงตนตลอด รวมถึงคณะกรรมการนี้เป็นผู้ตัดสินใจ จึงไม่ควรกล่าวหาว่าตนบริหารหรือตัดสินใจผิด นอกจากนี้ รัฐบาลมีการบริหารจัดการน้ำแบบสมดุลคือการระบายน้ำและส่งน้ำเพื่อชลประทาน เราเห็นคุณค่าน้ำทุกหยด ไม่ได้กลัวน้ำเหมือนกับเห็นหมาบ้า
รมว.วิทยาศาสตร์ฯ กล่าวต่อว่า นายปราโมทย์ยังพูดแบบคลุมเครือถึงภัยแล้ง ตนไม่รู้ว่าเป็นความจงใจหรือไม่
เพราะคนที่มีความรู้จะไม่พูดเรื่องภัยแล้งในช่วงนี้ที่อยู่กลางฤดูฝน และเดือน ส.ค.เกิดกรณีฝนทิ้งช่วงตามปกติ อีกทั้งการพิจารณาเรื่องภัยแล้งนั้นมีเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น ความชื้นในอากาศ ปริมาณน้ำในลำน้ำ ความเสียหายด้านการเกษตร เป็นต้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่ภัยแล้ง ซึ่งอธิบดีกรมชลประทาน บอกแล้วว่าการระบุว่าเป็นภัยแล้งหรือไม่นั้นต้องรอดูในเดือน ม.ค.-ก.พ. นายปราโมทย์จึงอย่าพูดแบบนี้ที่ทำให้คนตกใจและเข้าใจรัฐบาลผิด
นอกจากนี้ การบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลในตอนนี้ ทำเรื่องการระบายน้ำเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา แต่ยังไม่ไปแตะต้องลุ่มน้ำในภาคอีสาน
ขณะที่ภาคอีสานตอนล่างมีปริมาณฝนน้อยกว่าปกติ จึงสร้างความเสียหายในจ.สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งเราหวังว่าใน 1-2 เดือนจากนี้ เมื่อร่องความกดอากาศต่ำที่กำลังพาดในภาคเหนือและอีสานตอนบน จะแก้ไขวิกฤตนี้ได้ อีกทั้งภาคอีสานส่วนใหญ่เป็นพื้นที่เกษตรน้ำฝน ซึ่งทำการเกษตรได้ด้วยน้ำฝนเท่านั้น และมีพื้นที่ชลประทานร้อยละ 6 ซึ่งรัฐบาลยืนยันว่าในปีนี้เกษตรกรสามารถทำการเกษตรได้ตามปกติ
นายปลอดประสพ กล่าวอีกว่า ปีนี้น้ำไม่ท่วมเหมือนปีที่แล้วแน่นอน สามาถฟันธงแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
และเมื่อขึ้นต้นฤดูหนาวไปถึงฤดูแล้ง จะมีน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาอยู่ในเกณฑ์พอเพียงสำหรับการทำการเกษตรตามปกติ ขณะที่ปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่ 2 แห่ง และเขื่อนอื่นๆจะอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง แต่ไม่อยู่ในภาวะขาดแคลน ส่วนภาคอีสานถ้ายังมีฝนตกน้อยกว่าปกติ รัฐบาลจะช่วยเหลือด้วยการสูบน้ำจากลำน้ำต่างๆขึ้นมาหรือใช้ระบบน้ำใต้ดิน เพื่อบรรเทาปัญหาของเกษตรกร
“การเกิดฝนทิ้งช่วงหรือน้ำน้อยในภาคอีสานเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่กลับมากล่าวหาว่าเราระบายน้ำจนเกิดฝนแล้ง นี่เป็นความโง่เขลาของท่านที่ไม่มีข้อมูล หรืออาจเป็นการจงใจมาหาเรื่อง ผมกับคุณปราโมทย์เป็นข้าราชการรุ่นเดียวกัน ผมให้ความเคารพในสติปัญญาความรู้ของคุณปราโมทย์เสมอมา ก็อยากให้คุณปราโมทย์เคารพคนอื่น คุณปราโมทย์พูดโดยไม่มีข้อมูลหรือดึงข้อมูลจากอากาศมาพูด ดังนั้นก่อนที่จะมาพูดอะไร ขอให้ไปหาหนังสือใหม่ๆมาอ่าน เอาข้อมูลจากกรมที่ท่านเคยเป็นอธิบดี ไปวิเคราะห์ ทั้งนี้ เมื่อปีที่แล้วที่เกิดน้ำท่วม เขาเคยเป็นที่ปรึกษาของผู้ว่าฯกทม.ที่สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ หรือคงเป็นเพราะเขาจะลงสมัครการเมืองหรืออยากลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ก็ได้”นายปลอดประสพ กล่าว