ชาวผาตั้งปลูกข้าวบนถนนประชดพังชำรุดกว่า 5 กม.ไร้หน่วยงานรัฐเหลียวแล
นายมนัส บุญศรี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 บ้านสารภี ต.ขุนควร อ.ปง จ.พะเยา กล่าวว่า เนื่องจากในพื้นที่ ต.ขุนควร มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากถนนที่เชื่อมระหว่างหมู่ 8 ถึง หมู่ 6 ระยะทางประมาณ 5 กม. เสียหาย พื้นผิวการจราจรเป็นหลุมบ่อ ผู้ที่สัญจรได้รับอุบัติเหตุบางรายเสียชีวิต ถนนเส้นดังกล่าวมีมากว่า 20 ปี แล้ว พาดผ่าน 5 หมู่บ้าน ประกอบด้วย หมู่ที่ 6,8,9,10 และ 11 ต.ขุนควร แต่ไม่ได้รับความดูแลจากหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่นเท่าที่ควร เดิมอยู่ในความรับผิดชอบของกรมทางหลวงชนบท ต่อมาโอนมาให้องค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ขุนควร แต่ทาง อบต.ไม่มีงบประมาณเพียงพอในการซ่อมแซมจึงโอนคืนให้แก่กรมทางหลวงชนบทเมื่อปี 2554 ที่ผ่านมา จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานใดมาซ่อมให้ ซึ่งจะพบว่าในช่วงเวลากลางคืนและในฤดูฝนมีสถิติอุบัติเหตุสูงสุดจากสัญจรบนถนนเส้นนี้ถึง 50 ราย บาดเจ็บสาหัส 1 ราย และเสียชีวิต 1 ราย
“ทุกครั้งที่มีการหาเสียงเลือกตั้งทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ผู้สมัครประกาศว่าจะเข้ามาให้การช่วยเหลือซ่อมแซมถนนให้ แต่เมื่อผ่านพ้นการเลือกตั้งก็หายไปไม่มีใครมาดำเนินการตามที่เคยได้ประกาศไว้แต่อย่างใด ดังนั้นผมและประชาชนในพื้นที่ ต.ขุนควร จึงอยากร้องขอให้ฝ่ายการเมืองและหน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบ ออกมาแสดงความรับผิดชอบกับประชาชนด้วยการเร่งซ่อมแซมถนนเส้นนี้โดยเร็ว เพราะเงินงบประมาณที่ใช้ก็มาจากภาษีของประชาชนทั้งหมด ไม่ใช่เงินส่วนตัวของผู้ใด จึงขอให้ช่วยหลือพวกเราด้วย”นายมนัส กล่าว
น.ส.กัญนิกา บุญเทพ อายุ 25 ปี หมู่ 6 ต.ขุนควร กล่าวว่า
ตั้งแต่เด็กต้องสูดฝุ่นละอองจากถนนเมื่อเวลามีรถวิ่งผ่านไปมาโดยตลอด ทำให้ต้องป่วยเป็นโรคภูมิแพ้ เมื่อถึงช่วงเวลาที่ไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน ไม่ได้สูดฝุ่นละอองสุขภาพก็ปกติไม่เป็นภูมิแพ้แต่อย่างใด แต่ถ้ากลับมาอยู่บ้านก็แพ้ฝุ่นละอองอีก ปีหนึ่งเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลไม่น้อยกว่า 20,000 บาท ยังไม่รวมรถจักรยานยนต์ที่ใช้ต้องเปลี่ยนล้อและยางเป็นประจำเพราะถนนไม่ดี
ด้านนางชิน ใจเย็น รองประธานสภา อบต.ขุนควร กล่าวว่า
ยอมรับถนนเส้นดังกล่าวเป็นปัญหาอย่างมาก เพราะครั้งที่ อบต.รับโอนมาจากกรมทางหลวงชนบทแล้ว ได้มีการซ่อมแซมหลายครั้งหมดเงินไปหลายล้านบาท แต่ก็ยังไม่ดีขึ้น เพราะหากต้องดีมีคุณภาพจะใช้งบประมาณจำนวนมาก เมื่อปี 2554 อบต.ได้โอนคือให้แก่กรมทางหลวงชนบทแล้ว ล่าสุดปีนี้ได้รับหนังสือแจ้งจากกรมทางหลวงชนบท ว่า ภายในเดือนกันยายน 2555 นี้ จะเข้ามาดำเนินการซ่อมแซมโดยเร็ว คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนด้านการใช้ถนนให้แก่ประชาชนได้ระดับหนึ่ง