เมื่อวันที่ 21 ส.ค. พระราชวรมุนี กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา
กล่าวในการประชุมพัฒนากระบวนทัศน์และยกย่องเชิดชูเกียรติผู้บริหาร ครูและบุคลากรทางการศึกษาโรงเรียน พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่วังรีรีสอร์ท จ.นครนายกว่า โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา มักถูกสังคมมองว่าเป็นที่รองรับเด็กด้อยโอกาสให้ได้รับการศึกษา
"แต่ช่วงที่ผ่านมาโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯ สามารถผลิตบุคลากรที่มีความสามารถจนเรียนจบแพทย์มาแล้วมากกว่า 20 คน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงคุณภาพของผู้ที่ผ่านการเรียนจากโรงเรียนพระปริยัติธรรมฯ และที่สำคัญขณะนี้ต้องถือว่าโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อยู่ในการดูแลของมหาเถรสมาคม(มส.) อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีที่พระผู้ใหญ่เห็นความสำคัญ และพร้อมที่จะให้การสนับสนุนพัฒนาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา" พระราชวรมุนี กล่าวและว่า
นอกจากนี้ที่ถือว่าเป็นมิติใหม่ของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา คือตั้งแต่ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2555 เป็นต้นไป
โรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาจะต้องมีการเรียนการสอนบาลี 5 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ รวมตลอดปีจะต้องมีการเรียนการสอนบาลีในแต่ละชั้นรวม 200 ชั่วโมง โดยจะต้องใช้หลักสูตรการสอนภาษาบาลีจากทางสำนักงานแม่กองบาลีสนามหลวงมาใช้ในการเรียนการสอนเท่านั้น ซึ่งต่างจากเดิมที่แต่ละโรงเรียนจะต่างคนต่างสอน ขณะที่บางโรงเรียนก็เน้นแต่วิชาสามัญ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้องเพราะเป้าหมายของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาคือการผลิตศาสนทายาท ดังนั้นผู้ที่จบการศึกษาออกไปจะต้องรู้ทั้งทางโลกทางธรรม ไม่ใช่พอบวชเรียนเข้ามาเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรมแล้วสวดมนต์ไม่ได้ จำได้แต่ชื่อนักฟุตบอล
“การให้มีการเรียนการสอนบาลีในโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษานั้น ไม่ใช่เป็นการเรียนโดยที่ไม่หวังผล แต่นักเรียนที่เรียนจะต้องทำข้อสอบให้ผ่านตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดด้วย หากสอบไม่ผ่านก็จะไม่สามารถเลื่อนชั้นไปเรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นได้ ซึ่งเกณฑ์นี้จะต่างจากการสอบบาลีสนามหลวง แต่จะเป็นเกณฑ์ที่ใช้พิจารณาให้นักเรียนสอบผ่านนะแต่ละระดับชั้นเท่านั้น” พระราชวรมุนี กล่าว