วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่ จ.สุรินทร์ พบว่าภาวะภัยแล้งเกิดขึ้นหนักที่สุดในรอบ 10 ปี
ประกอบกับได้ฝนทิ้งช่วงมานานหลายเดือน ได้ส่งผลกระทบกับอ่างเก็บน้ำหลายแห่งของ จ.สุรินทร์ ที่ขณะนี้พบว่ามีปริมาณน้ำลดลงอย่างมาก แต่ละแห่งมีปริมาณน้ำไม่เกิน 1 ส่วน 4 ของความจุ โดยเฉพาะที่เขื่อนตาเกาว์ ต.กาบเชิง อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ที่พบว่ามีปริมาณน้ำลดลง จนสังเกตเห็นได้ว่ามีตอไม้โผล่ผุดขึ้นมาให้เห็นได้ชัดเจน หลังจากปริมาณน้ำลดลงอย่างมากจากภาวะภัยแล้งดังกล่าว
ขณะที่นาข้าวโดยส่วนใหญ่เป็นข้าวหอมมะลิกว่า 1 ล้าน 5 แสนไร่ อยู่ในช่วงวิกฤติสุดในรอบ 10 ปีเช่นกัน
สภาพนาข้าวส่วนใหญ่ในแต่ละพื้นที่ทั้ง 17 อำเภอของ จ.สุรินทร์ อยู่ในสภาพที่แห้งเหี่ยวเฉาไม่แตกต่างกัน ถึงแม้ว่า 1-2 วันที่ผ่านมาเริ่มมีฝนตกจากการทำฝนหลวงบ้างในบางพื้นที่ แต่ก็ยังไม่พอเยียวยาและทำให้นาข้าวฟื้นตัวได้
ขณะที่นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้สั่งการไปยัง ผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ได้เร่งสำรวจความเสีย และความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ในพื้นที่ต่างๆ แล้วเร่งให้ความช่วยเหลือแล้ว โดยได้ประสานงานกับป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในการสำรวจความเสียหาย และหากงบประมาณไม่พอเพียงก็ ร้องขอมายังจังหวัดได้ ในส่วนของการขอความช่วยเหลือ ขณะนี้ หน่วยปฎิบัติการฝนหลวง ได้เข้ามาตั้งหน่วยที่สนามบิน อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อเริ่มปฎิบัติงานตั้งแต่วันที่ 6 สิงหาคม ที่ผ่านมาแล้ว เพื่อปฎิบัติงานในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์เป็นการเฉพาะ ซึ่งฝนที่ตกลงมาในช่วงนี้เป็นฝนที่เกิดจากการทำฝนเทียมจากหน่วยปฎิบัติการฝนหลวงที่อาจจะบรรเทาได้บ้าง