วันที่ 14 ส.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ 13 หน่วยงาน
ที่ดีเอสไอตรวจสอบพบความผิดปกติในการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200 และอัลฟ่า 6 ประกอบด้วย กรมสรรพาวุธทหารบก ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) กรมการปกครอง องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เพชรบุรี ยะลา พิษณุโลก สงขลา ภูเก็ต ตำรวจภูธร จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท กรมศุลกากร สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ว่า หน่วยงานทั้ง 13 แห่ง ได้ขอข้อมูลผลการตรวจสอบประสิทธิภาพของจีที 200 และอัลฟ่า 6 อย่างเป็นทางการจาก 2 หน่วยงานสำคัญที่ดีเอสไอใช้ประกอบการพิจารณา
คือ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. และศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือเนคเทค รวมถึงข้อมูลของตำรวจอาชญากรรมพิเศษประเทศอังกฤษที่ดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัทผู้ผลิต ทั้งนี้เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาร่วมกับกรณีที่ดีเอสไอขอให้มีการตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นการภายในไปก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะได้หาข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันในการดำเนินคดีกับบริษัทผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย
นายธาริต กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงอายุความในการร้องทุกข์เอาผิดกับบริษัทผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่าย
ซึ่งเข้าข่ายกระทำความผิดฐานฉ้อโกงและหลอกลวง ซึ่งตามกฎหมายต้องร้องทุกข์กล่าวโทษภายใน 90 วัน เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องอายุความดีเอสไอจะนับตั้งแต่วันที่ได้ส่งเอกสารแจ้งข้อพิรุธกับหน่วยงานทราบเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ดังนั้น จึงเหลือเวลาอีกประมาณ 60 วัน ทั้ง 13 หน่วยงานจึงขอเวลาไปตรวจสอบเอกสารทั้งหมดเพื่อกลับมาประชุมร่วมกันอีกครั้งในวันที่ 24 ส.ค. เวลา 14.00 น.
เบื้องต้นมีข้อตกลงร่วมกันว่าในฐานะที่เป็นหน่วยงานราชการด้วยกันควรมีข้อสรุปในการดำเนินการทิศทางเดียวกัน
นอกจากนี้ดีเอสไอยังพบด้วยว่าบริษัทผู้ผลิตจงใจและเตรียมแผนการเพื่อหลอกลวงขายสินค้ามากตั้งแต่ต้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ประเทศไทยจะถูกหลอก เพราะแม้แต่ประเทศอังกฤษและประเทศอื่นอีก 20 ประเทศก็ถูกลอกเช่นเดียวกัน เนื่องจากผู้ผลิตอ้างว่าจีที 200 และอัลฟ่า 6 เป็นเครื่องมือพิเศษ ไม่มีสินค้าเปรียบเทียบคุณภาพ บริษัทผู้ขายจึงออกแนวทางการตรวจรับเพื่อลวงให้กรรมการตรวจรับหลงเชื่อว่า เครื่องมือดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการตรวจสอบระเบิดและยาเสพติดในระยะไกล อย่างไรก็ตามทราบว่าขณะนี้มีหน่วยงานของรัฐ 1 แห่งได้เข้าร้องทุกข์เอาผิดกับบริษัทผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายไว้ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามแล้ว