ต้องถือเป็นโอลิมปิกเกมส์ที่อึดอัดพอสมควรสำหรับแฟนกีฬาชาวไทยเพราะด้วยมาตรฐานการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงจากนักกีฬาชาติต่างๆ กว่าจะได้สักเหรียญรางวัลเรียกว่า เลือดตาแทบกระเด็น
ยิ่งตอนที่โอกาสลุ้นเหรียญค่อยๆ หมดไปกีฬาแล้วกีฬาเล่า ยิ่งทำให้บรรยากาศของกองเชียร์กร่อยลงไปไม่น้อย
แต่ช่วงโค้งสุดท้ายของ "ลอนดอนเกมส์" คนไทยได้ยิ้มกว้างอีกครั้ง เมื่อ "แก้ว พงษ์ประยูร" ขุนพลเสื้อกล้ามไทยหนึ่งเดียวที่หลงเหลือ คว้าเหรียญมาฝากคนไทยได้สำเร็จเป็นการส่งท้าย
ด้วยส่วนสูง 160 ซม. แถมยังอยู่ในรุ่นเล็กสุด พิกัดน้ำหนัก 49 กก. นักชกวัย 32 ปี จากกำแพงเพชรจึงถือเป็นหนึ่งในนักมวยสากลสมัครเล่นที่ตัวเล็กจิ๋วที่สุดในโอลิมปิกเกมส์หนนี้
แต่ถึงรูปร่างจะเล็ก ฝีไม้ลายมือก็ไม่ได้เล็กน้อยไปด้วย "แก้ว" โชว์ทักษะ ชั้นเชิง และสายตาอันยอดเยี่ยม ผ่านคู่ชกทั้งที่ตัวใหญ่กว่าและตัวเท่ากันได้อย่างน่าทึ่ง
เรียกว่ายิ่งมากรอบก็ยิ่งมั่นใจ ยิ่งฮึกเหิม แตกต่างจากความรู้สึกย้อนหลังไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
แก้ว พงษ์ประยูร ฮีโร่ฉบับกระเป๋า
ก่อนจะผันตัวเองมาเป็นนักมวยสากลสมัครเล่น "แก้ว" ก็เหมือนรุ่นพี่รุ่นน้องทั้งหลายที่ผ่านประสบการณ์บนสังเวียนมวยไทย ใช้ชื่อบนเวทีว่า "เกตุแก้ว ว.ถิ่นทัพไทย"
พอได้รับการทาบทามมาสวมเฮดการ์ดกับเสื้อกล้าม ก็ไม่ได้ทำให้สต๊าฟโค้ชผิดหวัง เปิดหัวด้วยการคว้าเหรียญทองแดงซีเกมส์ปี 2001 ต่อด้วยเหรียญเงินปี 2003 และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็กวาดเหรียญทองซีเกมส์ได้อีก 3 ครั้งรวด (ปี 2005, 2007 และ 2009)
แต่ความหวังที่จะไปไกลกว่านั้นกลับต้องสะดุดลง เมื่อ "แก้ว" แพ้การคัดตัวนักชกทีมชาติชุดเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 16 "กว่างโจวเกมส์" เมื่อปี 2010 ให้กับ "อำนาจ รื่นเริง" จึงเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิดพร้อมประกาศอำลาสังเวียน
ตอนนั้นเองที่ครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการดูแลความรู้สึกของนักชกร่างเล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "คุณแม่มะลิ" คุณแม่อารมณ์ดีที่ครองใจแฟนกีฬาชาวไทยหลายคนไปแล้วเรียบร้อยในตอนนี้ ด้วยลีลาการเชียร์มวยแบบชวนอมยิ้ม
"คุณแม่มะลิ" ปลอบลูกชายอย่างอบอุ่นและสอนว่า ให้ใจเย็นๆ แล้วทบทวนดูว่าที่ตัดสินใจไปถูกต้องแล้วหรือยัง "แก้ว" จึงคิดได้ว่านี่เป็นภารกิจที่ยังไม่สิ้นสุด และตัดสินใจกลับเข้าสู่แคมป์ทีมชาติอีกครั้ง พร้อมคว้าเหรียญทองซีเกมส์ให้ประเทศไทยได้อีกสมัยในการแข่งขันที่อินโดนีเซียเมื่อปีที่แล้ว
ด้วยวัยขนาดนี้ คงไม่มีครั้งหน้าสำหรับ "แก้ว" อีก โดยเฉพาะกับเวทีใหญ่ๆ อย่างเอเชี่ยนเกมส์หรือโอลิมปิกเกมส์ เป้าหมายหลักของนักชกฉบับกระเป๋าจึงเป็น "ลอนดอนเกมส์" และประสบความสำเร็จก้าวแรกด้วยการคว้าแชมป์มวยสากลสมัครเล่นชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 30 ที่อาเซอร์ไบจาน เมื่อปีที่แล้ว พร้อมซิวโควตาโอลิมปิก 2012 คนแรกของทีมมวยไทย
จ่าสิบเอกแก้ว พงษ์ประยูร หรือ "จ่าแก้ว" ก็เลยได้มาวาดลวดลาย อวดฝีไม้ลายมือถึงถิ่นผู้ดีสมใจ พร้อมฉวยโอกาสที่ได้รับอย่างยอดเยี่ยม สร้างรอยยิ้มให้คนไทยได้สมกับที่รอคอยมานาน
อ้อ! ใช่จะมีแต่แฟนกีฬาชาวไทยที่กรี๊ดสุดใจทุกครั้งที่ "จ่าแก้ว" ขึ้นสังเวียน เพราะท่าทางซื่อๆ ไม่มีเล่ห์เหลี่ยมพิษภัย ประกอบกับรูปร่างเล็กกะทัดรัด กับฝีมือที่ยิ่งใหญ่เกินตัว ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนกีฬาชาติอื่นๆ ไปโดยไม่รู้ตัว
บ่อยครั้งเวลา "แก้ว" ขึ้นสังเวียน จึงมีเสียงเชียร์ "ไทยแลนด์" ดังกระหึ่มยิ่งกว่าจำนวนคนไทยที่เข้าไปชมในสนาม และตอนที่ "แก้ว" กระโดดเข้ากอดโค้ชที่มุมเวทีหลังเอาชนะ "เดวิด ไอราเปเตียน" นักชกจากรัสเซีย ด้วยอาการดีใจเหมือนเด็กเล็กๆ คนหนึ่ง (ซึ่งรูปร่างก็ให้อีกต่างหาก) ยิ่งทำให้ทุกคนในสนามอมยิ้มไปตามๆ กัน
แม้กระทั่งลงเวทีมาแล้ว อาสาสมัครชาวเมืองผู้ดีทั้งหลาย ต่างก็มาชะเง้อคอดู "แก้ว" คุยกับกองทัพนักข่าวไทย ก่อนหันมายิ้มน้อยยิ้มใหญ่คุยกันตอนได้เห็นนักชกร่างเล็กของไทยกับตา
เมื่อลองสะกิดถามความรู้สึกดู อาสาสมัครหญิงสูงอายุคนหนึ่งก็หันมายิ้มกว้างบอกว่า "เขาตัวเล็กสุดสุดเลยค่ะ" ด้วยน้ำเสียงเอ็นดูนักชกไทย
ก็รอบตัวมีแต่ฝรั่งตัวสูงใหญ่ เจอเสน่ห์หนุ่มไทยเล็กพริกขี้หนูเข้าไป เลยตกหลุมรักกันเป็นแถว!
หน้า 13,มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 12 สิงหาคม 2555