วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี เสียชีวิตแล้ว

วาเด็ง ปูเต๊ะ พระสหายแห่งสายบุรี เสียชีวิตแล้ว

วันที่ 7 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  นายวาเด็ง ปูเต๊ะ วัย 94 ปี พระสหายแห่งสายบุรี  เสียชีวิตอย่างสงบแล้วด้วยโรคชรา

ภายในบ้านพักเมื่อเวลา 15.00 น. ที่่ผ่านมา ใน ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ล่าสุด ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี เดินทางไปยังบริเวณงานศพแล้ว โดยจะประกอบพิธีศพตามหลักศาสนาอิสลามต่อไปใน 24 ชั่วโมง
 
 ทั้งนี้นายวาเด็ง ถูกนำตัวเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ จ.สงขลา
 
และคณะแพทย์ตรวจพบโรคเพิ่ม 2 โรค คือ เลือดเส้นเลือดดำโป่งพองใกล้หัวใจ และโรคไตวายระยะสุดท้าย หลังจากก่อนหน้านี้แพทย์ได้ตรวจพบว่าพระสหายแห่งสายบุรีเป็นโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว 

 สำหรับประวัติของนายวาเด็งนั้น รศ.นฤมล ลี้ปิยะชาติ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี 

ให้ข้อมูลว่า นายวาเด็ง
เป็นชาวบ้านหมู่ 5 บ้านทุ่งเค็จ ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ความเป็นมาที่ได้เป็นพระสหายเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ.2535 ครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินไปยังโครงการพัฒนาพรุแฆแฆ อ.สายบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมขนาดใหญ่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ จึงทรงมีพระราชดำรัสให้ศึกษาหาวิธีระบายน้ำในที่ลุ่มยามน้ำหลากและเก็บกักไว้ใช้ยามหน้าแล้ง ชาวบ้านจะได้มีน้ำใช้เพื่อการเพาะปลูก และเพื่อให้ได้ข้อมูลชัดเจน ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง ณ บ้านเจาะใบ ต.แป้น อ.สายบุรี ประทับทอดพระเนตรพรุแฆแฆด้านตะวันตก และทรงมีพระราชดำรัสกับชาวบ้านเป็นเวลานาน ทรงได้ข้อมูลใหม่และสนพระทัยที่จะเสด็จฯ ไปทอดพระเนตรความเป็นไปได้ใน การสร้างอาคารกั้นน้ำที่คลองน้ำจืด บ้านทุ่งเค็จ แต่เนื่องด้วยเวลาเย็นแล้วและไม่ได้เตรียมเส้นทางไว้รอรับเสด็จล่วงหน้า ที่สำคัญเป็นเส้นทางทุรกันดาร รถยนต์ยังเข้าไปไม่ถึงจุดหมาย เจ้าหน้าที่จึงกราบบังคมทูลว่าเสด็จฯ ไปไม่ได้

 แต่ด้วยพระราชหฤทัยที่มุ่งมั่นในอันที่จะบำบัดความเดือดร้อนของชาวบ้านไม่ว่าเส้นทางนั้นจะมืดลำบากอย่างไรพระองค์ยังเสด็จพระราชดำเนินต่อไป
 
เมื่อสิ้นสุดเส้นทางรถยนต์จึงเสด็จฯ ตามทางเท้าเล็กๆ สองข้างรกชัฏไปอีกไกลด้วยพระบาท เมื่อถึงชายคลองน้ำจืดบ้านทุ่งเค็จนั้นตะวันลับขอบฟ้าพอดี ทรงพิจารณาแผนที่ด้วยแสงจากไฟฉายเป็นเวลานาน ท่ามกลางความมืดมิดและความตึงเครียดของเจ้าหน้าที่ถวายอารักขา

 รศ.นฤมล เผยตามคำบอกเล่าเป๊าะวาเด็ง ว่า "ตอนนั้นเป๊าะทราบแล้วว่าเป็นในหลวง แต่จะเข้าไปใกล้ๆ ก็ไม่กล้า เพราะว่านุ่งโสร่งตัวเดียว ไม่ได้สวมเสื้อ พอเข้าไปใกล้ๆ ในหลวงก็บอกว่าจะมาขุดคลองชลประทานให้ พอได้ยินอย่างนั้นเป๊าะก็ดีใจมาก คุยกันเยอะ ท่านถามว่าถ้าขุดคลองสายทุ่งเค็จนี้จะไปสิ้นสุดลงที่ตรงไหน เป๊าะบอกท่านว่าคลองเส้นนี้มีที่ดินติดเขต ต.แป้น ทางเหนือขึ้นไปสุดที่อ.ศรีสาคร ในหลวงถามต่อว่าถ้าไปออกทะเลจะมีกี่เกาะ เป๊าะก็ตอบท่านไปว่ามี 4 เกาะ ท่านก็ชมว่าเก่ง สามารถจำทุกที่ที่ผ่านไปได้ แล้วท่านก็เปิดดูแผนที่ที่นำมาด้วย แล้วบอกว่าเป๊าะรู้จริง ไม่โกหก ทุกสิ่งที่เป๊าะบอกมีอยู่ในแผนที่ของพระองค์แล้ว

"ในหลวงคุยกับเป๊าะเป็นภาษามลายู พอเจอกันบ่อยๆ คุยกัน มีความเห็นตรงกัน ท่านก็เลยรับเป๊าะเป็นพระสหาย เป๊าะบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่บอกท่านไปทั้งหมดเป็นความจริง พูดโกหกไม่ได้จะเป็นบาป" หลังจากได้กราบบังคมทูลเส้นทางขุดคลองในโครงการพระราชดำริแล้ว ในครั้งนั้นเป๊าะวาเด็งได้ถวายที่ดินเพื่อดำเนินโครงการพระราชดำริอีกด้วย" รศ.นฤมล ระบุ

ส่วนที่มาของคำ "พระสหายแห่งสายบุรี" ย้อนไปเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2540 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสแสดงความเป็นห่วงเหตุการณ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ยามนั้น และมีรับสั่งว่า "มีสหายอยู่ที่นั่นคนหนึ่งชื่อ วาเด็ง ปูเต๊ะ"


เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์