จากนั้นเวลาประมาณ 15.30 น. แต้ว ได้เดินทางออกมาจากห้องผู้โดยสารขาเข้า
ซึ่งทันทีที่ฮีโร่สาวเห็นครอบครัว, ญาติพี่น้อง, รุ่นน้อง และเพื่อนร่วมสถาบัน, สื่อมวลชน, แฟนกีฬาชาวไทย และผู้บริหารสมาคมมารอต้อนรับจำนวนมาก เจ้าตัวถึงกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ก่อนจะเปิดใจว่า ขอขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ดูแลหาทางออกจากกรณีที่สมาคมยกน้ำหนักฯ ต้องจ่ายค่าปรับเกี่ยวกับสารกระตุ้นให้กับสหพันธ์ยกน้ำหนักนานาชาติ (ไอดับบลิวเอฟ) จนทำให้ทีมยกน้ำหนักได้ไปแข่งขัน และสามารถคว้าเหรียญเงินมาได้ และขอขอบคุณพี่น้องชาวไทยที่ให้กำลังใจ
น้องแต้ว กล่าวต่อว่า ตนจะยังเล่นกีฬายกน้ำหนักต่อไป และตั้งใจว่าในอีก 4 ปีข้างหน้าจะได้ร่วมทีมไปแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2016 ที่ประเทศบราซิล แต่ไม่ฟันธงว่าจะได้เหรียญทองหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ส่วนเรื่องอนาคตตั้งใจว่าอยากเป็นทหาร ซึ่งก็คงต้องปรึกษาผู้ใหญ่ และดำเนินการตามขั้นตอน
ขอใช้ชีวิตแบบเดิมผู้สื่อข่าวถามต่อว่าการประสบความสำเร็จครั้งนี้จะทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปหรือไม่
สาวเสียงห้าวตอบว่า ตนก็ยังจะใช้ชีวิตเหมือนเดิม ตั้งใจฝึกซ้อมต่อไป ส่วนเหรียญเงินที่ได้มาจะมอบให้แม่เนื่องในวันแม่แห่งชาติ “แต้วไม่ได้บนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรเลย ส่วนใหญ่เป็นไหว้พระขอพรมากกว่า โดยเหรียญเงินนี้จะมอบให้คนไทยทุกคน และถือเป็นของขวัญให้แม่ เนื่องในวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคมนี้ด้วย”
นางอมรรัตน์ ศิริแก้ว มารดาของ “แต้ว” เปิดเผยว่า
ตื่นเต้น และดีใจมากที่ได้เจอหน้าลูกสาว ดีใจมากที่สุดในชีวิตที่ “แต้ว” สามารถเหรียญรางวัลกลับมาให้ประเทศชาติได้ หลังจากนี้จะกลับไปบวชชีพราหมณ์ 9 วัน และจัดฉายหนัง 3 คืนตามที่ได้บนไว้กับหลวงพ่อวาสนา วัดโพธิ์ทอง ส่วนแหวนทองคำที่สลักนามสกุล “โพธิ์ศิริ” ซึ่งมาจากนามสกุลของพ่อ “ศิริแก้ว” และ “โพธิ์พัฒน์” ของแม่มารวมกัน ที่จะมอบลูกสาวที่บ้าน ขณะที่ทาง อ.มัญจาคีรี และจ.ขอนแก่น ได้เตรียมต้อนรับด้วยการจัดแห่รอบอำเภอ และเลี้ยงโต๊ะจีน 150 โต๊ะ
นายคำปุ่น ศิริแก้ว บิดาฮีโร่สาว กล่าวว่า ชีวิตหลังจากนี้ก็จะให้แต้วตัดสินใจว่าจะเล่นยกน้ำหนักต่อหรือไม่
ส่วนเงินรางวัลต่างๆ ที่ได้มาก็จะให้ แต้ว เป็นคนตัดสินใจ และยืนยันว่าทางครอบครัวจะใช้ชีวิตแบบพอมีพอกินแบบเดิม ไม่สุรุ่ยสุร่ายแน่นอน เพราะเงินในส่วนนี้ถือเป็นรางวัลที่ลูกสาวต้องฝึกซ้อมมาอย่างหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมา
กัปตันการบินไทยซึ่งรับหน้าที่ในเที่ยวบิน 917 ไฟล์ทที่ “แต้ว”
เดินทางกลับประเทศไทย เปิดเผยว่า ระหว่างที่อยู่บนเครื่องบิน กัปตันได้ประกาศให้กับผู้โดยสารที่อยู่บนเครื่องบินทราบว่าในเที่ยวบินดังกล่าวมีจอมพลังเหรียญเงินลอนดอนเกมส์รวมอยู่ด้วย ซึ่งผู้โดยสารทั้งลำได้พร้อมใจปรบมือแสดงความยินดี จากนั้นกัปตันได้เปิดเครื่องดื่มฉลองความสำเร็จ และถ่ายภาพเป็นที่ระลึกด้วย
“เสธ.ยอด” พล.ต.อินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ยอมรับว่าเตรียมตัวน้อยกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา แต่ก็พอใจกับ 1 เหรียญเงินที่ได้มา และถือเป็นเหรียญรางวัลแรกของทัพนักกีฬาไทย แต่ก็รู้สึกเสียดายน่าจะมีเหรียญทองแดงเพิ่มด้วย แต่นักกีฬาชุดนี้ทุกคนยังอายุน้อยยะงจะเป็นกำลังของชาติในการแข่งขันระดับนานาชาติรายการอื่นๆ ต่อไป โดยในโอลิมปิกเกมส์ 2016 จะใช้นักกีฬาชุดนี้ และจะพัฒนานักกีฬารุ่นใหม่ขึ้นมาเป็นตัวเลือกด้วย
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าทำไมถึงเลือกส่งนักกีฬาหญิงรุ่นละ 2 คน คือ 48 กก. และ 58 กก.
โดย พล.ต.อินทรัตน์ กล่าวว่า เพื่อป้องกันการผิดพลาด และนักกีฬาหญิงใน 2 รุ่นนี้ถือว่ามีโอกาสจะคว้าเหรียญมากที่สุด ซึ่งสมาคมฯ ได้ศึกษาและพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว
ด้าน วรรธนะ ธัญญา ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายขาย รร.อิมพีเรียลควีนส์ปาร์ค
เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้โรงแรมได้จัดห้องพรีเมียร์ คอนเนอร์ สวีท ไว้รอรับน้องแต้ว และทีมยกน้ำหนัก ราคาประมาณหมื่นกว่าบาท แต่ล่าสุดได้อัพเกรดขึ้นไปเป็นห้องแกรนด์ เพนต์เฮาส์ สวีท ราคาต่อคืนประมาณ 1.2 แสนบาท โดยภายในจะประกอบด้วยห้องนอน 3 ห้อง และห้องนั่งเล่นใหญ่ 1 ห้อง ตกแต่งภายในหรูหรา และมีอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่ รวมทั้งยังสามารถมองเห็นวิวของกรุงเทพฯ ได้รอบด้าน และชัดเจน
สำหรับห้องพักดังกล่าวตั้งอยู่บนชั้น 37 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดของโรงแรม โดยทั้งชั้นมีแค่ 3 ห้อง
โดยห้องพักประเภทนี้เคยต้อนรับเหล่าคนดังจากทั่วโลกมาแล้วมากมาย นอกจากนี้ทางโรงแรมยังเตรียมเมนูอาหารหลากหลายไว้รอต้องรับ นอกจากนี้ทางโรงแรมได้เตรียมเซอร์ไพร์สด้วยเมนูพิเศษ “ส้มตำกุ้งย่าง” ปรุงโดยเชฟมือ 1 ของโรงแรมไว้รอต้อนรับ
ความเคลื่อนไหวนักกีฬาไทยอีก 3 คน มีดังนี้ “แป๋ว” นันทนา คำวงศ์ นักตบลูกเด้งสาวไทยที่จอดป้ายรอบ 2 กล่าวว่า
พอใจกับผลงาน ส่วนตัวตั้งใจจะเล่นเทเบิลเทนนิสต่ออีก 2-3 ปี แต่หากร่างกายยังไหวก็จะขอสู้ต่อในโอลิมปิกเกมส์ครั้งหน้า แต่ระหว่างนี้จะพยายามช่วยงานสมาคมเทเบิลเทนนิสแห่งประเทศไทยให้มากขึ้น อาทิ เป็นคู่ซ้อมให้รุ่นน้อง และช่วยพัฒนานักกีฬาเยาวชนด้วย
วิทยา ทำว่อง โรบินฮู้ดที่ตกรอบ 64 คน กล่าวว่า แม้จะตกรอบแรก แต่ถือเป็นประสบการณ์ที่ได้ไปแข่งขันเวทีโอลิมปิกเกมส์ ทำให้ได้พบจุดบกพร่องของตัวเอง เพื่อแก้ไขในการแข่งขันรายกาอื่นๆ
ธีรวัฒน์ หอมกลิ่น ยูโดร่างยักษ์ที่ตกรอบแรก กล่าวว่า
ปรกติตอนอยู่เมืองไทยตนไม่ค่อยมีคู่ซ้อม เพราะเป็นรุ่นใหญ่ 100 กก. การไปแข่งขันครั้งนี้ทำให้ได้ฝึกซ้อมกับนักกีฬาชาติอื่น รวมทั้งได้เห็นการใช้ชีวิตของนักกีฬาจากประเทศต่างๆ ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคงเป็นในเรื่องของโภชนาการที่ชาติอื่นค่อนข้างเป้ฯมืออาชีพมาก ตนจึงจะนำประสบการณ์ที่ได้เห็นมารรายงานต่อผู้บริหารสมาคมฯ เพื่อพัฒนาต่อไป