หมอยงรับมือเท้าปากปีนี้มากสุดตั้งแต่เป็นหมอมา-ชี้เชื้อโรคอยู่ช่วงขาลง
เมื่อ 26 ก.ค. ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" รายงานว่า นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวว่า จากการติดตามสถานการณ์โรคมือเท้าปาก ขณะนี้ได้ผ่านจุดสูงสุดของการระบาดแล้ว เชื่อว่าหลังจากนี้จำนวนผู้ป่วยจะลดลงเรื่อยๆ ซึ่งปีนี้ถือว่าการะบาดมากที่สุดตั้งแต่ตนเป็นหมอมา ส่วนหนึ่งเนื่อง เกิดจากเชื้อที่พบในปีนี้เป็นสายพันธุ์ค็อกซากีเอ 6 ที่คนไทยยังไม่มีภูมิต้านทาน เพราะปกติสายพันธุ์ที่ระบาดในประเทศไทยจะเป็น เอ็นเทอโรไวรัส 71 แต่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะสายพันธุ์ค็อกซากี เอ 6 โอกาสที่เชื้อจะเข้าไปทำลายสมองจนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตนั้นมีโอกาสน้อยมาก
“หากเป็นเชื้อค็อกซากีถ้าพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี จะมีโอกาส 1 ใน 10,000 คน หากเป็นเด็กที่มีอายุมากกว่า 1 ปีขึ้นไปจะมีโอกาส 1 ใน 100,000 คน ขณะที่หากเป็นสายพันธุ์ เอนเทอโรไวรัส 71 ถ้าพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี จะมีโอกาสเข้าไปทำลายสมองอยู่ที่ 1ใน 300-500 คน ส่วนในเด็กที่อายุมากกว่า 1 ปีจะมีโอกาส1ใน 5,000 คน”นพ.ยง กล่าว
นพ.ยง กล่าวต่อไปว่า เชื้อพวกนี้อยู่ในระบบทางเดินอาหาร ชอบสภาพอากาศเย็น ชื้น หากฝนยังตกต่อเนื่องก็ยังพบเชื้อได้อยู่ ซึ่งการระบาดโรคมือเท้าปากปีนี้ เริ่มระบาดในช่วงเดือนปลายเดือนพ.ค. และเกิดการระบาดสูงสุดในช่วงเดือนก.ค. จากนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงขาลงของการระบาด อย่างไรก็ตาม ยังไม่สามารถระบุได้ว่าในปีหน้าโรคมือเท้าปากที่เกิดขึ้นจะเป็นสายพันธุ์ใด แต่หวังว่าจะไม่ใช่สายพันธุ์ เอนเทอโรไวรัส 71 เพราะหากเป็นสายพันธุ์นี้ และเกิดการระบาดมากขึ้นเหมือนในปีนี้แล้ว คงเกิดการสูญเสียมากมายแน่นอน
ทั้งนี้ ในเรื่องการผลิตวัคซีน ส่วนตัวมองว่าโรคมือเท้าปากเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้หากมีการรักษาสุขอนามัยที่ดี ล้างมือเป็นประจำทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ก็สามารถป้องกันการเกิดโรคนี้ได้ ที่สำคัญหากจะมีการลงทุนผลิตวัคซีนแล้วตนเห็นว่าควรลงทุนผลิตวัคซีนโรคอื่นจะดีกว่า