นพ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังพบว่าวัยรุ่นผู้หญิงยังนิยมใส่คอนแทกเลนส์ตาโต หรือบิ๊กอายส์ เป็นเลนส์ที่ไม่ใช่เลนส์สายตา แต่เป็นเลนส์เพื่อความสวยงาม เปลี่ยนสีตา ขยายขนาดของตาดำ เพราะต้องการเลียนแบบดารา นักร้อง นางแบบ อยากสวยอยากงาม ถือว่าเสี่ยงอันตรายมาก ผู้ป่วยรายล่าสุดเป็นหญิงอายุ 18 ปี ไปซื้อบิ๊กอายส์ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แถวบางลำภู โดยนำมาใส่เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 5 กรกฎาคม แต่พอใส่ไปแล้วตาขวามีอาการแสบ ระคายเคือง น้ำตาไหลต่อเนื่อง แล้วไปขยี้ตา และถอดบิ๊กอายส์ออก ต่อมาช่วงเย็นมีอาการตาบวม จึงเข้ามาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า พอตรวจทำให้ทราบว่าผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกระจกตาดำข้างขวา โดยเชื้อแบคทีเรียได้กัดกินบริเวณกระจกตาดำมีแนวยาว 5 มิลลิเมตร และลึกลงไปประมาณ 1 มิลลิเมตร จนเกือบทะลุกระจกตาดำ โชคดีมากมารักษาทัน เพราะหากมาช้า 1 วัน ตาบอดแน่นอน
ส่วนเชื้อแบคทีเรียที่พบนั้นชื่อว่าซูโดโมแนส ออรูจิโนซ่า (Pseudomonas aeruginosa) เป็นเชื้อแบคทีเรียพบได้ตามสภาพแวดล้อมทั่วไป หากมีบาดแผลแล้วเกิดติดเชื้อแบคทีเรียดังกล่าวจะมีอันตรายมาก อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยรายนี้โชคดีที่มาพบแพทย์ได้ทันทำให้ตาไม่บอด แต่เมื่อทำการรักษาจนหายแล้วจะเกิดแผลเป็นที่ตาดำ ส่งผลให้เวลามองแล้วจะไม่ชัดเหมือนคนปกติ
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวว่า
ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบจุดที่ผู้ป่วยระบุว่าไปซื้อบิ๊กอายส์มา พบว่าเป็นห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เมื่อสอบถามกลับไปยังผู้ป่วยพบว่าไปซื้อบิ๊กอายส์มาตั้งแต่ยังไม่มีการเปลี่ยนเป็นห้างสรรพสินค้าในปัจจุบัน และซื้อเก็บไว้นานแล้วจึงนำมาใส่ สงสัยว่าผู้ป่วยทนใส่บิ๊กอายส์ไปได้อย่างไร เพราะการใส่บิ๊กอายส์หรือคอนแทกเลนส์ หากเกิดการระคายเคืองดวงตาให้รีบพบแพทย์ทันที ปกติแล้วจะต้องปรึกษาแพทย์ก่อน ปัจจุบันมีบิ๊กอายส์ที่ได้รับอนุญาตจากทาง อย.เพียง 2-3 ยี่ห้อเท่านั้น ประชาชนโทร.ถามได้ที่สายด่วน อย.โทร.1556