เมื่อวันที่ 2 ก.ค. นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าโครงการไข่แลกยาเก่า ว่า
ได้รับรายงานจาก นพ.นิทัศน์ รายยวา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ว่า ขณะนี้ได้รับยาเก่าคืนเข้าสู่ระบบแล้ว 2 ล้านเม็ด เป็นมาตรการสร้างแรงจูงใจในการใช้ยา โดยให้นำยาหมดอายุและยาใหม่ที่ไม่ได้ใช้แล้วมาแลกไข่ เนื่องจากการบริโภคยาของคนไทยที่ผ่านมา มีมูลค่าปีละนับแสนล้านบาทเป็นค่าใช้จ่ายที่สูง เริ่มที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลทุกแห่ง (รพ.สต.) ทั่วประเทศ เบื้องต้นจะมีการจัดคูปองแลกไข่เพื่อให้เหมาะสมกับปริมาณยา ยาที่รับคืนมาจะมีการตรวจสอบ หากพบว่าหมดอายุหรือเสื่อมสภาพจะนำไปทำลาย โครงการนี้จะประหยัดค่าใช้จ่ายด้านยาของประเทศได้หลายพันล้านบาท อย่างน้อยผู้ที่มียาอยู่แล้วไม่ได้ใช้ ก็สามารถส่งคืนสถานบริการเพื่อใช้ประโยชน์ หรือเก็บทิ้งเนื่องจากหมดอายุ
นายวิทยา กล่าวต่อว่า ยาที่เก็บคืนมาได้บางชนิดเป็นยาที่มีราคาแพง เช่น ยาลดไขมันในเลือด
เมื่อผู้ป่วยหมดความจำเป็นในการใช้ก็นำมาส่งคืน หรือในกรณีที่ยังใช้ยาชนิดนั้นอยู่ก็นำยาที่เหลือไปเมื่อพบแพทย์ครั้งต่อไป เพื่อให้รับยาเพิ่มจำนวนพอดีกับวันนัด ก็จะประหยัดการใช้ยาได้ หากประเมินผลหลังวันที่ 5 ก.ค.แล้วพบว่ายังมียาจากประชาชนส่งคืนอีกก็อาจจะขยายโครงการต่อไป
นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รมช.สธ. กล่าวว่า นโยบายยาเก่าแลกไข่ เป็นการแก้ไขปัญหาการใช้ยาของประชาชนที่ใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย
โดยสถิติประชาชนไทยใช้ยาเฉลี่ยวันละ 128 ล้านเม็ด สธ.จึงมีแนวคิดที่จะเริ่มปรับการใช้ยาของประชาชน ซึ่งโครงการนี้เริ่มต้นที่ จ.เชียงราย โดย รพ.สต.ในอ.เมืองเชียงราย ทดลองซื้อไข่ 4,000 บาท แลกยาที่ประชาชนไม่ได้ใช้มูลค่ากว่า 50,000 บาท คาดว่ายาไม่ได้ใช้ที่ค้างตามบ้านน่าจะมีมูลค่าประมาณ 1 แสนล้านบาท