วันนี้ ( 1 ก.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภารัฐสภา เสนอให้ถอนร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยความปรองดองแห่งชาติ ออกจากการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ว่า ส่วนตัวเห็นด้วยเพราะหากนำ พ.ร.บ.ปรองดองเข้าสภาฯแล้วทำให้บ้านเมืองขัดแย้ง ก็ควรยุติไว้ก่อน แม้จะผ่านสภาฯเมื่อถึงศาลรัฐธรรมนูญก็จะถูกยกเลิกอยู่ดี เพราะศาลจะวินิจฉัยว่าผิดมาตรา 309 และ 237 ก็จะทำให้ไม่มีผลต่อการคืนความยุติธรรม และไม่มีผลในทางการเมืองใดๆ พ.ร.บ.ไม่นำไปสู่การปฏิบัติได้ และเห็นว่าเนื้อหาร่างพ.ร.บ.ความเห็นยังไม่ตรงเรื่องนิรโทษกรรม เพราะบางฝ่ายต้องการนิรโทษกรรมให้ผู้ที่มีความผิดทางการเมืองเท่านั้น โดยไม่รวมการคืนความยุติธรรมให้นักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ109 คน และคดีที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ ( คตส.) ตัดสิน ส่วนอีกฝ่ายเห็นว่าควรนิรโทษให้ผู้ที่มีความผิดเกี่ยวกับชีวิตและทรัพย์สินและคดีผู้ก่อการร้ายเท่านั้น ควรนำร่างกลับไปให้มีความเห็นไปแนวทางเดียวกันก่อน
นายจาตุรนต์กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ต่อ บ้านเมืองจะเกิดวิกฤติรุนแรงกว่าทุกครั้งและไม่มีทางออก เพราะทั้งตัวรัฐธรรมนูญและศาลรัฐธรรมนูญที่เป็นอย่างนี้ เป็นตัวจุดชนวนที่จะทำให้ทุกฝ่ายที่เรียกร้องประชาธิปไตยต้องออกมาดำเนินการ และเรียกร้องทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดประชาธิปไตยให้ได้ ตนไม่เชื่อว่าจะมีการเจรจาต่อรองกับศาลเพื่อให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ เพราะฝ่ายผู้มีอำนาจไม่จำเป็นต้องต่อรองใดๆ การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอาจทำในวันที่ 6 ก.ค.หลังการไต่สวนทันที เพราะมีธงอยู่แล้ว และคำวินิจฉัยของศาลจะมีเนื้อหาเหมือนกับคำร้องของผู้ร้อง กระบวนการทั้งหมดเกิดจากฝ่ายผู้มีอำนาจไม่ต้องการเสียอำนาจ ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นเครื่องมือในการล้มรัฐบาล และองค์อิสระที่มีอยู่ในปัจจุบันก็เป็นเครื่องมือของผู้อำนาจที่จะลิดรอน ปรับเปลี่ยนปลดรัฐบาล ได้ตลอด พยานที่จะให้ปากคำศาล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญทั้งนั้น ดังนั้นจะหวังว่าคำวินิจฉัยเป็นธรรม คงไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้เลย