ทางหลวง-กทพ. แนะเส้นทางกลับสงกรานต์ หนีรถติด

ช่วงเทศกาลสงกรานต์มีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนามากเป็นประจำทุกปี
 
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการจราจรติดขัดและ เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ทางกรมทางหลวง (ทล.) กับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ขอแนะนำเส้นทาง ดังนี้

ภาคเหนือ หากจะมุ่งหน้ายังกำแพงเพชร ตาก ลำปาง และเชียงใหม่
 
สามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 340 เส้นทางตลิ่งชัน-สุพรรณบุรี ผ่านสุพรรณบุรี เข้าชัยนาท ในเส้นทางสุพรรณบุรี-ชัยนาท ไปยังนครสวรรค์ เข้าทางหลวงหมายเลข 1 ถนนพหลโยธิน เลี้ยวซ้ายออกทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ หมายเลข 122 เข้าสู่กำแพงเพชรและตาก ไปบรรจบกับทางหลวงหมายเลข 1 มุ่งสู่ลำปางและเชียงใหม่

แต่หากจะไปยังพิจิตร พิษณุโลก สุโขทัย และอุตรดิตถ์ สามารถใช้เส้นทางสายเอเชีย คือ ทางหลวงหมายเลข 32 เข้าสู่อยุธยา ผ่านอ่างทอง สิงห์บุรี เข้านครสวรรค์ ผ่านทางหลวงหมายเลข 1 ก็มุ่งตรงไปยังทุกจังหวัดดังกล่าวได้ หรือจะใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านสระบุรี ลพบุรี เข้าอำเภอตากฟ้า ผ่านเส้นทางอินทร์บุรี-ตากฟ้า ต่อไปตามทางหลวงหมายเลข 11 ก็ถึงได้เช่นกัน

ภาคอีสาน สามารถไปได้หลายเส้นทางโดยมีนครราชสีมา เป็นจุดกระจายไปยังจังหวัดต่างๆ

เพราะเมื่อไปถึงนครราชสีมาแล้วจะไม่มีปัญหารถติด สามารถใช้ถนนพหลโยธินไปยังสระบุรี เข้าถนนมิตรภาพ ผ่าน อ.แก่งคอย มวกเหล็ก ปากช่อง และสีคิ้ว ถึงนครราชสีมา หรือจะใช้เส้นทางรังสิต-นครนายก ไปยังนครนายก ต่อด้วยเส้นทางนครนายก-บ้านนา ถึง อ.บ้านนา หลังจากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามถนนแก่งคอย-บ้านนา เข้า อ.แก่งคอย ไปตามถนนมิตรภาพเหมือนเส้นทางแรก และสามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 314 ไปยังฉะเชิงเทรา ผ่าน อ.พนมสารคาม กบินทร์บุรี วังน้ำเขียว ปักธงชัย ถึงนครราชมีมาได้เช่นกัน

ส่วนผู้ที่ต้องการเดินทางต่อไปขอนแก่น หนองคาย และอุดรธานี สามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ จากนครราชสีมาไปถึงได้เลย ขณะเดียวกันสามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 201 ไปยังชัยภูมิ หนองบัวลำภู อุดรธานี และหนองคายได้ด้วย แต่หากจะไปบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี สามารถใช้ทางหลวงหมายเลข 24 ที่เชื่อมต่อ กับทางหลวงหมายเลข 2 จากทางต่างระดับ สีคิ้วได้

ภาคใต้ จะใช้เพชรบุรีเป็นจุดเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่างๆ สามารถเดินทางตามถนนพระราม 2 ไปยังสมุทรสาคร

ผ่านสมุทรสงคราม แยก วังมะนาว เข้าเพชรบุรี และต่อไปยังจังหวัดทางภาคใต้ หรือจะใช้เส้นทางเพชรเกษม ไปยังนครปฐม แยกวังมะนาว เข้าเพชรบุรีก็ได้ และยังมีเส้นทางที่ไปตามถนนบรมราชชนนี เข้าถนนเพชรเกษมไปยังนครปฐม แยกวังมะนาวไปยังเพชรบุรี

สำหรับเส้นทางของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ที่จะช่วยให้ประชาชนเดินทางออกต่างจังหวัดรวดเร็วมากยิ่งขึ้นมีดังนี้

ภาคตะวันออก ให้ใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร (ระบบทางด่วนขั้นที่ 1) มุ่งหน้า ไปบางนา สามารถใช้ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ (ระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายใต้ ตอน S1) ได้ที่ทางแยกต่างระดับบริเวณก่อนเข้าทางพิเศษฉลองรัช (ทางด่วนสายรามอินทรา-อาจณรงค์) หรือถ้ามาจากทางพิเศษฉลองรัชด่านรามอินทรา สามารถเข้าสู่ทางพิเศษสายบางนา-อาจณรงค์ ที่จุดเชื่อมต่อบริเวณด่านอาจณรงค์ 1 ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการสามารถเดินทางสู่ภาคตะวันออก โดยใช้ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางด่วนสายบางนา-ชลบุรี) ได้อย่างสะดวกหรือใช้เส้นทางพิเศษศรีรัช (ระบบทางด่วนขั้นที่ 2) ลงสู่ถนนศรีนครินทร์เข้าทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 หรือ 9 ซึ่งสามารถเดินทางไปได้ทั้งภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานครหรือทางพิเศษศรีรัช ไปแจ้งวัฒนะเชื่อมต่อทางพิเศษอุดรรัถยา (ทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด) มุ่งหน้าไปด่านบางปะอินเพื่อเดินทางต่อไปยังจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นครสวรรค์ รวมถึงจังหวัดต่างๆ ทางภาคเหนือ และยังสามารถมุ่งหน้าเข้าสู่ถนนพหลโยธินที่ทางแยกต่างระดับบางปะอินไปจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และต่อไปยังจังหวัดต่างๆ ยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ทางพิเศษฉลองรัชเข้าเชื่อมต่อถนนวงแหวนตะวันออกบริเวณจตุโชติ เพื่อเดินทางไปภาคเหนือหรือตะวันออกเฉียงเหนือได้อีกเส้นทางหนึ่งด้วย

ส่วนภาคใต้ ใช้ทางพิเศษเฉลิมมหานคร มุ่งหน้าดาวคะนอง หรือใช้ทางพิเศษศรีรัชเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครที่บางโคล่ข้ามสะพานพระราม 9 มุ่งหน้าดาวคะนอง ถนนพระราม 2 (ถนนธนบุรี-ปากท่อ) หรือจากทางพิเศษบูรพาวิถี สามารถใช้ทางพิเศษบางพลี-สุขสวัสดิ์ บริเวณ กม.ที่ 9 ถนนบางนา-ตราด เพื่อเดินทางออกไปสู่ถนนพระราม 2 เพื่อเดินทางสู่จังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และจังหวัดต่างๆ ทางภาคใต้

อย่างไรก็ตาม การเดินทางเชื่อมต่อภาคต่างๆ โดยเฉพาะทิศทางภาคตะวันออกสู่ภาคใต้ สามารถใช้ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ได้โดยไม่ต้องเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพมหานคร ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางจากทางพิเศษสายดังกล่าวผ่านเข้าสู่ถนนวงแหวนกาญจนาภิเษก เพื่อเดินทางไปได้ทุกทิศทางและทุกภูมิภาค

(ที่มา:มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 11 เมษายน 2555)