เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลายเป็นกระแสสังคมขึ้นมาใหม่โดยเฉพาะกระแสในโลกอินเตอร์เน็ตและโชเชียลเน็ตเวิร์ก
ที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์พูดถึงกระแส "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!" ซึ่งเริ่มต้นจากวิดีโอระบายความในใจของนักเรียนชั้นมัธยมต้น มาสู่กระแสสังคมที่พูดถึงเป็นวงกว้าง โดยเรื่องราวเริ่มต้นจากเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งคาดว่ากำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เกิดอาการคับแค้นใจที่ถูกเพื่อนร่วมชั้นขับออกจากกลุ่มในเว็บไซต์เฟชบุ๊ก จนเจ้าตัวบันทึกคำพูดเป็นวิดีโอก่อนจะเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป มีเนื้อความน้อยใจเพื่อนๆ และข่มขู่เพื่อนๆ ว่า "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่"
จนกระทั่งคลิปดังกล่าวถูกนำมาเผยแพร่โชเชียลเน็ตเวิร์ก ทั้งเฟชบุ๊กและทวิตเตอร์เพียงในเวลาไม่นานนั้น
ดร.ชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการกาารศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้เป็นการแสดงออกของเด็กที่เล่นกันในกลุ่มเพื่อน ซึ่งมั่นใจว่าแม้จะมีนโยบายแจกแท็บเลตให้กับเด็ก ป. 1 ทั่วประเทศ เด็กก็จะไม่นำแท็บเล็ตที่ทางรัฐบาลแจกให้ไปทำเรื่องไร้สาระ เพราะแท็บเลตคือเครื่องมือการเรียนรู้ที่บรรจุเนื้อสาระที่มีคุณภาพ และการใช้แท็บเลตต้องอยู่ในการควบคุมของครูผู้สอน ดังนั้นอะไรที่เป็นเครื่องมือที่จะก่อให้เกิดผลด้านลบต่อเด็กครูจะต้องดูแลให้เกิดความเหมาะสม ขณะเดียวกันต้องมีการใช้อินเตอร์เน็ตอย่างรู้เท่าทัน และตัวครูเองก็ต้องรู้เท่าทันเด็กด้วยเช่นกัน เพื่อควบคุมพฤติกรรมการใช้ไอทีอย่างถูกต้อง เพื่อเป็นไปตามวัตถุประสงค์
ด้าน ศ.ดร.สุชาติ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นหน้าที่ของโรงแรียนและผู้ปกครองที่จะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
ซึ่งปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องเปลี่ยนเป้าหมายการแจกแท็บเลต เพราะเป้าหมายของประเทศในปัจจุบันคือโลกแห่งเทคโนโลยีแทบทั้งสิ้น เหมือนโลกที่มีการเปลี่ยนไปตลอดเวลา จากสมัยก่อนเราเคยใช้กระดานชนวนต่อจากนั้นมาเรื่อยๆเราก็เปลี่ยนมาใช้กระดาษ ซึ่งเด็กจะดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีแต่อยู่ที่การดูแลของพ่อแม่ผู้ปกครองมากกว่า