พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการ สมช. : ทุกครั้งที่คุยเพื่อสันติภาพก็จะเกิดเหตุรุนแรง : สัมภาษณ์พิเศษ
พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ยืนยันจำเป็นต้องมีการพูดคุยเพื่อดับไฟใต้ เพื่อสร้างความไว้วางใจ สร้างความมั่นใจซึ่งกันและกัน แต่ไม่ใช่การเจรจาต่อรอง แต่ทุกครั้งที่มีข่าวว่ามีการพูดคุยเพื่อสันติภาพ ก็มักจะเกิดเหตุรุนแรง
เหตุการณ์คาร์บอมบ์ที่เกิดขึ้น อาจจะเกิดจาก 2 ปัจจุบัน คือ
1.รัฐบาลได้ปฏิบัติการเชิงรุกทางการเมืองมากขึ้น ทั้งเรื่องการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ อุตสาหกรรมฮาลาล การพัฒนาให้มีแลนด์บริด มีสะพานเชื่อมไปยังประเทศมาเลเซีย รวมถึงเรื่องให้ประเทศมาเลเซียสนับสนุนให้คนไทยเดินทางไปทำงาน และการศึกษา ตามนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลที่ได้ผ่านความเห็นชอบจาก สมช.และ ครม. ก่อนที่จะเข้าสู่สภาเมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา
และ 2.เปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกัน โดยทุกครั้งที่มีข่าวว่าจะมีการพูดคุยกันแบบสันติภาพจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงขึ้น โดยเกิดเมื่อปี 2550-2551
รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยพยายามที่จะให้มีการพูดคุยกัน โดยการพูดคุยกันจะแตกต่างจากการเจรจา เพราะการพูดคุยกันจะไม่มีเงื่อนไข และต้องไม่มีการผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะเป็นการทำความเข้าใจกัน สร้างความเชื่อมั่นและสร้างความไว้วางใจ ซึ่งทฤษฎีจะมีการพัฒนาไปในตัวของมันเอง และจะทำให้ทราบความต้องการที่แท้จริงของแต่ละฝ่าย สำหรับในเรื่องการเจรจาจะต้องมีการเสนอเงื่อนไข ซึ่งการเจรจาจะเป็นขบวนการอีกแบบหนึ่ง โดยเฉพาะการตั้งเงื่อนไข และมีการผูกมัดที่จะต้องปฏิบัติตามว่าจะต้องปฏิบัติอย่างนั้นอย่างนี้
เรื่องการพูดคุยกันถือเป็นเรื่องธรรมดา คนที่ทำงานในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ หรือพลเรือน เวลาตำรวจไปสืบสวนสอบสวนก็จะต้องพูดคุยกับญาติพี่น้องของกลุ่มผู้ก่อเหตุ หรืออย่างกรณีของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เข้าไปพัฒนาก็จะต้องไปดูความเดือดร้อนของคนในพื้นที่ต่างๆ
การพูดคุยหลักๆ ไม่ได้พูดคุยกับพวกหัวรุนแรง แต่จะไปพูดคุยกับพวกที่มีความคิดที่แตกต่าง โดย สมช.ได้เขียนไว้เป็นนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2555-2557 ที่ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว โดยเฉพาะวัตถุประสงค์ข้อที่ 8 คือ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสมและเอื้อต่อการพูดคุยในการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง และการให้หลักประกันในการเข้ามามีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกระบวนการเสริมสร้างสันติภาพ โดยมีการพูดคุยเพื่อสันติภาพมีหลักคิดสำคัญ คือ ความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการรุนแรงได้ เพราะจะยิ่งสร้างปัญหาเพิ่ม แต่การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในท้ายที่สุด คือต้องหันมาพูดคุยกัน ซึ่งจะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ถึงแม้จะต้องใช้ความอดทน และใช้เวลาก็ตาม
จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องพูดคุยกับขบวนการโจรใต้
ในระดับนโยบายของรัฐบาลจะไปคุยคงเป็นไปไม่ได้ แต่ผู้ปฏิบัติที่จะต้องปฏิบัติตามมาตรา 21 ก็จะต้องเปิดให้เข้ามาคุย และมอบตัว ซึ่งอาจจะหลงผิด คนที่ทำงานในพื้นที่เมื่อจะเข้าไปสืบสวนก็จะต้องไปคุยกับญาติพี่น้องที่สามารถคุยได้ เพื่อชี้เบาะแส ทั้งนี้การพูดคุยไม่ได้พูดคุยกับโจร แต่พูดคุยกับคนที่มีอุดมการณ์ที่มีความคิดแตกต่างๆ ข่าวที่ว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการ ศอ.บต. คงจะมีการคุยกันในลักษณะดังกล่าว เพื่อช่วยเหลือคน หรือพี่น้องที่หลงผิดเท่านั้น
นโยบายแก้ไขไฟใต้ยังคงเหมือนเดิมหรือไม่
หลักใหญ่ของนโยบายคือการเมืองนำการทหารและเปลี่ยนการต่อสู้ หรือสู้รบ หรือต่อสู้ด้วยความรุนแรง มาเป็นการต่อสู้แบบสันติภาพ ปัจจัยที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) อาจจะเข้ามาติดตามสถานการณ์ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งถือเป็นประจำทุกปี ดังนั้นในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม จะต้องระวังเหตุไม่ให้เกิดเหตุร้าย ส่วนปัจจัยอื่น อาจจะเป็นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือครบรอบเหตุการณ์รุนแรงที่มัสยิดกรือเซะ ในวันที่ 28 เมษายนนี้ ซึ่งอาจจะเป็นมวลเหตุสะสมทำให้เกิดความวุ่นวาย
เราได้แจ้งเตือนไปยังหน่วยข่าวต่างๆ ในพื้นที่ให้ระมัดระวัง แต่อย่าลืมว่าการทำงานในพื้นที่ค่อนข้างเครียดเมื่อมีการแจ้งเตือนบ่อยๆ หรือมีการเพิ่มมาตรการบ่อยๆ ก็อาจจะทำให้เจ้าหน้าที่เกิดการอ่อนล้าได้ กลุ่มที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ จ.ปัตตานี จ.ยะลา และจ.สงขลา ในช่วงที่ผ่านมามีการเชื่อมโยงกัน และเป็นกลุ่มเดียวกัน โดยสั่งการมาจากระดับบน ต้องยอมรับว่ากลุ่มเหล่านี้มีขีดความสามารถพอที่จะมาก่อเหตุรุนแรงได้ ตำรวจพยายามเร่งจับกุม ที่สำคัญตำรวจรู้เครือข่ายพวกนี้อยู่แล้วและมีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เป็นกลุ่มบีอาร์เอ็นที่กระจายอยู่ในพื้นที่
การข่าวพบการเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อการร้ายที่แฝงเข้ามาก่อเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์หรือไม่
หน่วยข่าวทุกหน่วยได้เกาะติดเรื่องนี้อยู่ แต่ก็ยังไม่พบการเคลื่อนไหวใด รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ติดตามเรื่องนี้ และสั่งการให้ สมช.เป็นหน่วยหลักในการบูรณาการข่าวเพื่อป้องกันเหตุร้ายแรง ในวันที่ 11 เมษายนนี้ จะใช้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นสถานที่ในการประชุมวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์กับเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศเพื่อให้ระมัดระวังเหตุในช่วงเทศกาล เพราะกลุ่มคนร้ายอาจจะฉวยโอกาสก่อเหตุในช่วงนี้ก็ได้ แต่การข่าวยังไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆ
หลักคิด-เป้าหมาย-แนวทางในการพูดคุยเพื่อสันติภาพ (Peace Dialogue) ตามกรอบนโยบายการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ค.2555-2557
1.ทิศทางและกรอบใหญ่ของการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามกรอบนโยบายคือ การดำเนินการทุกอย่างอยู่ภายใต้กรอบใหญ่ในเรื่องกระบวนการเสริมสร้างสันติภาพ (Peace Process) ซึ่งต้องดำเนินการครอบคลุมทั้งในเรื่องความมั่นคง ความปลอดภัย การพัฒนา การอำนวยการความยุติธรรม สังคมจิตวิทยา การศึกษา การต่างประเทศ การกระจายอำนาจที่เหมาะสม รวมทั้งการพูดคุยกันเพื่อสันติภาพโดยมีเป้าหมายหลักในการมุ่งนำสันติสุขกลับคืนสู่พื้นที่โดยเร็ว
2.การพูดคุยเพื่อสันติภาพ (Peace Dialogue) ได้ถูกกำหนดไว้ในวัตถุประสงค์ข้อที่ 8 คือ เพื่อสร้างสภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม และเอื้อต่อการพูดคุยในการแสวงหาทางออกจากความขัดแย้ง และการให้หลักประกันในการเข้ามามีส่วนร่วมของผู้เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในกระบวนการเสริมสร้างสันติภาพ โดยมีการพูดคุยเพื่อสันติภาพมีหลักคิดสำคัญ คือ ความรุนแรงไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยวิธีการรุนแรงได้ เพราะจะยิ่งสร้างปัญหาเพิ่ม แต่การแก้ไขปัญหาความรุนแรงในท้ายที่สุด คือ ต้องหันมาพูดคุยกัน ซึ่งจะเป็นวิธีแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน ถึงแม้จะต้องใช้ความอดทน และใช้เวลาก็ตาม
การพูดคุยเพื่อสันติภาพ (Peace Dialogue) ไม่ใช่การเจรจา (Negotiation) เพราะการพูดคุยมีเป้าหมาย คือต้องการความเข้าใจและความไว้วางใจ โดยไม่มีเป้าหมายในการต่อรองและมีข้อตกลง ในขณะที่การเจรจามีการต่อรอง และมีเป้าหมายเดียว คือ ต้องมีข้อตกลง (Agreement) ดังนั้น การพูดคุยเพื่อสันติภาพ จึงต้องมีหลักพื้นฐาน 5 ข้อ คือ ไม่ยื่นข้อเสนอ ไม่ต่อรอง ไม่หาข่าว ไม่ปกป้องตนเอง และไม่โน้มน้าว
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
