แห่งมหาเหรียญเงินโบราณ สมัย ร.5 ในแม่น้ำชุมพร

เมื่อเวลา 15.30 น. วันนี้ (25 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

ที่บริเวณแม่น้ำชุมพร หมู่ที่ 6  ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร ได้มีชาวบ้านจำนวนมากเดินทางไปงมหาเหรียญเงินสมัย ร.5 หลังมีผู้พบเหรียญทั้งชนิดเหรียญทองแดงและเหรียญเงิน สภาพเก่า ภายในแม่น้ำดังกล่าว ที่มีสภาพเริ่มแห้งขอดจนเห็นสันดอน และตื้นเขิน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูแล้ง

นายสายัณห์ โกฏเพขร อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่  3/1  หมู่ 6  ต.ขุนกระทิง อ.เมือง จ.ชุมพร
 
เล่าว่า ด.ช.เอกพล โกฏเพชร อายุ 11 ปี ลูกชายของตน เป็นผู้เจอเหรียญ ร.5 ในแม่น้ำชุมพรเป็นคนแรก โดยปกติลูกชายและเพื่อนๆ จะลงไปเล่นน้ำที่บริเวณดังกล่าวเป็นประจำ กระทั่งเมื่อคืนวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ลูกชายได้เล่าให้ฟังว่าขณะที่นอนหลับได้ฝันว่ามีหญิงชราคนหนึ่งมาบอกว่า ที่บริเวณท่าน้ำที่ลูกตนลงไปเล่นน้ำอยู่เป็นประจำนั้นมีเหรียญของ ร.5 จมฝังดินอยู่ในไหจำนวนมาก ไม่ต่ำกว่า 200 เหรียญ

นายสายัณห์ เล่าต่อว่า ในวันต่อมาลูกชายได้ไปเล่นน้ำที่บริเวณดังกล่าวอีก

ปรากฏว่าช่วงที่กำลังดำน้ำเล่นกับเพื่อนๆก็ ไปเจอถ้วยโบราณสีเขียวลักษณะแตกร้าวเหลืออยู่ครึ่งเดียว มีอักษรเขียนเป็นภาษาจีนจึงหยิบขึ้นมาดู และพบว่าเหรียญโบราณฝังอยู่บริเวณนั้นจำนวนมาก จึงเก็บขึ้นมาได้ประมาณ 40 เหรียญ และรีบนำมาให้ตนดู ตนเห็นถึงกับตกใจว่าเหรียญที่ลูกชายพบคือเงินที่ใช้ในสมัยรัชกาลที่ 5 จากนั้นจึงพาลูกชายไปงมหาอีกและได้มารวมกว่า 80 เหรียญ เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านในพื้นที่และบริเวณใกล้เคียงก็แห่มางมหากันจำนวนมาก  ซึ่งขณะนี้เท่าที่ทราบมีชาวบ้านพบไปแล้วหลายร้อยเหรียญ

ด้าน นายปิยพงศ์ โชติกวนิช อายุ 40 ปี เซียนพระชื่อดังใน จ.ชุมพร  กล่าวว่า  จากการตรวจสอบพบว่า เหรียญที่ชาวบ้านพบทั้งหมด
 
เป็นเหรียญเก่าแก่ที่ออกในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้เป็นเงินแลกเปลี่ยนซื้อขายสินค้า เป็นเหรียญเงินและเหรียญทองแดงผสมนาก  ขนาด 1 เซียว  1 อัฐ  1 ไพ และ 1 เฟื่อง  ซึ่งปัจจุบันหาดูได้ยากมากควรค่าแก่การเก็บสะสมไว้  เพราะมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เท่าที่ทราบพื้นที่ดังกล่าวเป็นคลองชุมพร อดีตที่ผ่านมาเป็นแม่น้ำสายหลักที่ราษฎรชาวไทย และพ่อค้าชาวจีนใช้เป็นเส้นทางค้าขายและสัญจรไปมาหาสู่ระหว่างกัน ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าที่บริเวณดังกล่าวมีเรือสินค้าล่ม หรืออาจเกิดน้ำท่วมใหญ่ ทำบ้านเรือนของราษฏรที่อาศัยอยู่ตามริมแม่น้ำ ถูกน้ำท่วมจนทรัพย์สินจมน้ำสูญหายฝังดินอยู่ในแม่น้ำดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์อีกครั้งเพื่อความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว.