เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 28 ก.พ. นายทัศนัย บูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่
พร้อมคณะผู้บริหารเทศบาล นายดนัย สารพฤกษ์ ผอ.โรงพยาบาลเทศบาลนครเชียงใหม่ ร่วมกันแจกหน้ากากอนามัยให้แก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาล พร้อมแนะนำวิธีการดูแลรักษาสุขภาพในช่วงที่จ.เชียงใหม่ เกิดปัญหาหมอกควัน มลพิษทางอากาศ โดยในโรงพยาบาลเทศบาลนครเชียงใหม่ในช่วงเดือนมกราคม มีผู้ป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจประมาณ 278 คน เดือนกุมภาพันธ์ 204 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุและเด็ก หลังจากนั้นคณะทั้งหมดได้เดินทางย่านถนนช้างคลาน โดยนำรถพ่นน้ำไปฉีดพ่นน้ำตามท้องถนนเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นของสภาพตัวเมืองเชียงใหม่เพื่อลดปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้น
นายทัศนัย กล่าวว่าปัญหาหมอกควันในเชียงใหม่ถือว่าเข้าขั้นวิกฤติในช่วงหลายวันที่ผ่านมา
ส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชนเป็นอย่างมาก จึงนำหน้ากากกว่า 3 หมื่นชิ้นออกแจกจ่ายตามโรงพยาบาล ชุมชน โรงเรียนทุกโรงเรียนเพื่อให้ประชาชนได้มีอุปกรณ์ไว้ป้องกันมลพิษ นอกจากนั้นยังได้ระดมอุปกรณ์เครื่องมือทุกอย่างออกฉีดพ่นน้ำตามถนนทุกสายวันละ 2-3 ครั้ง เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับอากาศแก้ปัญหาหมอกควัน
ทางด้านนายบรรพต คันธเสน ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ทสจ.) เชียงใหม่
เปิดเผยว่า สำหรับจ.เชียงใหม่ วันนี้ผลการวัดค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) ที่สถานีตรวจวัดศาลากลาง จ.เชียงใหม่ วัดได้ 67.80 ไมโครกรัมฯ สถานีตรวจวัดโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย อ.เมือง วัดได้ 84.69 ไมโครกรัมฯ ซึ่งเป็นผลมาจากการควบคุมการเผาที่ได้ผลดีขึ้น จึงได้ประสานเพิ่มเติมไปยังทุกภาคส่วน รวมทั้งประชาชนให้ความร่วมมือหยุดการเผาทุกชนิดอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการงดการเผาริมทาง งดการเผาในพื้นที่ป่าและไฟป่า รวมถึงขอความร่วมมือจากประชาชนงดเผาขยะ เศษวัสดุการเกษตร และกิ่งไม้ใบหญ้า เป็นต้น เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควันที่เกิดขึ้น
ขณะที่นายทรง กลื่นประทุม ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ เปิดเผยว่า จากการบินขึ้นทำฝนหลวง
เพื่อแก้ปัญหาหมอกควันในเขตพื้นที่ภาคเหนือ ได้ทำการขึ้นบินปฏิบัติการเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ก.พ. ที่ผ่านมา ในเขตพื้นที่ตอนใต้ของจ.เชียงใหม่ โดยใช้เครื่องบินบรรทุกสารทำฝนหลวงสูตรเย็น ขึ้นปฏิบัติการจำนวน 2 ลำ แต่ปัญหาและความยากลำบากในช่วงนี้คือมีความแห้งแล้งสูง และมีความชื้นต่ำมาก ประกอบกับลมที่พัดเข้ามาเป็นลมตะวันตก หลังจากที่มีการทำฝนหลวงครั้งแรก ยังไม่ประสบความสำเร็จ จนถึงขั้นทำให้ฝนตกลงมาได้ แต่ก็สามารถเพิ่มความชื้นในอากาศจนทำให้เกิดเมฆก่อตัวขึ้นมาได้ สามารถลดภาวะฝุ่นละอองในพื้นที่ได้บางส่วน
ดังนั้นในวันนี้ซึ่งเป็นวันที่สอง ได้มีการประชุมกันในช่วงเช้าแล้ว พบว่าความชื้นที่ก่อตัวกันหลังจากขึ้นทำฝนหลวงวันแรกยังคงอยู่
ในวันนี้จึงจะขึ้นทำอีกครั้งในพื้นที่เดิม ซึ่งอยู่ในเขตพื้นที่ตอนล่างของจ.เชียงใหม่ เพื่อเพิ่มโอกาสให้เกิดฝนมากยิ่งขึ้น และจะทำซ้ำกันไปจนกว่าฝนจะตก เมื่อฝนตกแล้วก็จะมีการย้ายพื้นที่เป้าหมายต่อไป โดยจะทำการบิน 6 เที่ยวบิน ในพื้นที่เป้าหมาย 3 จังหวัด คือ จ.เชียงใหม่ ลำปาง และพะเยา ที่มีค่าปริมาณฝุ่นละอองสูง