วันนี้(28ก.พ.)แพทย์หญิงเพียงใจ ลวกุล หัวหน้ากลุ่มงานจักษุวิทยาโรงพยาบาลมหาสารคาม กล่าวว่า
ในช่วงเดือนมกราคมมีผู้ป่วยมารักษาที่เกิดจาโรคตาแดงเพิ่มขึ้นมาก หลังจากที่เดือนมกราคม มีผู้ป่วยรักษา 84 ราย ในเดือนกุมภาพันมีผู้ป่วยมารักษาอยู่ที่ 180 ราย เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงเดือนที่ผ่านมา มีสภาพอากาศที่แปรปรวน อากาศร้อนมาก ฝนตกบ้าง ลมกรรโชกแรง ส่งผลให้บางพื้นที่มีน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลมหาสารคามจึงฝากเตือนประชาชนให้ระวังเชื้อโรคที่ปนเปื้อนมากับน้ำ เสี่ยงที่จะป่วยด้วยอาการเยื่อบุตาอักเสบหรือโรคตาแดง โดยปกติผู้ที่ป่วยด้วยโรคตาแดงอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์ แต่หากยังมีอาการเคืองตาเหมือนมีทรายเข้าตา ตามัว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนคือตาดำอักเสบ ควรรีบไปพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจอย่างละเอียด และให้การรักษาที่เหมาะสม ที่สำคัญอย่าซื้อยามาหยอดตาเอง โดยเฉพาะยาหยอดตาที่ไม่รู้แหล่งที่มาหรือแหล่งผลิต หรือที่วางขายตามตลาดนัด รวมทั้งไม่ควรทำตามความเชื่อผิดๆ เช่น ใช้น้ำนมหยอดตา เพราะเสี่ยงต่อการติดเชื้อถึงขั้นตาบอดได้
สำหรับสาเหตุของโรคตาแดงส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ติดต่อกันทางการสัมผัสน้ำตา ขี้ตาของผู้ป่วย อาการสำคัญคือ ตาแดง
อาจมีเลือดออกที่เยื่อบุตาขาว ตาขาวบวม มีขี้ตาเป็นเมือกใสหรือเหลืองอ่อน น้ำตาไหล เคืองตา และอาจเจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลืองที่ข้างหู โดยอาการจะลุกลามจากตาข้างหนึ่งไปอีกข้างหนึ่งอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 วัน บางรายอาจมีตาดำอักเสบ ทำให้เคืองตามาก และมีแผลที่ตาดำชั่วคราวได้โรงพยาบาลมหาสารคามจึงขอแนะนำการป้องกันที่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยการล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่ หลีกเลี่ยงการใช้มือแคะ แกะ เกาหน้า ตา สำหรับผู้ที่กำลังป่วยแนะนำให้หยุดเรียนหรือหยุดงานอย่างน้อย 3 วัน ห้ามใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว แว่นตา ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน