ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 23 ก.พ. นายสุทัศน์ ปัทมสิริวัฒน์ ผู้ว่า กฟผ. เปิดเผยว่า
แนวโน้มค่าไฟฟ้าในงวดต่อไป (พ.ค.-ส.ค.55) จะปรับขึ้นไม่น้อยกว่า 20-30 สต.ต่อหน่วย เนื่องจากราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตไฟฟ้าจะปรับราคาเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นไม่อยากให้รัฐบาลใช้นโยบายตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอันโนมัติ (เอฟที) ในระยะเวลาที่นานเกินไป เพราะจะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการรับภาระในการตรึงค่าไฟฟ้าของ กฟผ. หลังจากที่ในงวดปัจจุบัน ( ม.ค. –เม.ย. 55) คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานหรือเรกูเลเตอร์เห็นชอบให้ กฟผ. ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) 10 สต. เป็นวงเงิน 8,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือประชาชนหลังจากที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมไปแล้ว
“หมดสมัยแล้วที่จะมานั่งพยุงราคาค่าไฟฟ้านานๆ เพราะจะทำให้โครงสร้างบิดเบี้ยวไปหมด แล้วหากจะไปแก้ในภายหลังคงเป็นเรื่องยาก และ กฟผ.เองก็คงไม่มีความสามารถที่จะช่วยได้แล้ว เพราะในอนาคต กฟผ.เองก็มีแผนการลงทุนที่ต้องใช้เงินเยอะอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อว่า ค่าเอฟทีงวดต่อไปต้องปรับขึ้นไปตามสภาพความเป็นจริง ทั้งนี้ระดับราคาน้ำมันที่คำนวณราคาก๊าซฯเฉลี่ยที่ผ่านมาไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ล่าสุดราคาน้ำมันได้ปรับขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยมาอยู่ที่ 115-120 เหรียญฯต่อบาร์เรลและหากสถานการณ์ความตึงเครียดในอิหร่านยังคงมีอยู่ หรือการเกิดสงครามก็จะยิ่งกระทบให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกโดยมองว่าราคาน้ำมันจากนี้ไปคงไม่ต่ำกว่าระดับ 100 เหรียญฯต่อบาร์เรลได้จึงสะท้อนไปยังราคาก๊าซฯที่จะสูงขึ้นต่อเนื่อง” นายสุทัศน์ กล่าว