วันนี้( 12 ก.พ.) ที่โรงแรมลีการ์เด้น พลาซ่า อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้(ศอ.บต.) ร่วมแถลงผลการประชุมปฏิบัติการของคณะกรรมการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบสืบเนื่องจากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพล.ต.อ.ประชา กล่าวว่า
ที่ประชุมมีมติให้จ่ายเงินเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้รายละไม่เกิน7.5ล้านบาท เท่ากับผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทางการเมือง โดยแยกเป็น 4 กลุ่ม
1.กลุ่มเหตุการณ์มัสยิดกรือเซะและสะบ้าย้อยเมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2547
กลุ่มที่ 2.เหตุการณ์ตากใบและไอร์ปาแย
3.กลุ่มที่ถูกกระทำโดยเจ้าหน้าที่รัฐกรณีการหายสาบสูญโดยถูกบังคับหรือการทรมาน หรือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน
และ4.กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ทั่วไป
นายยงยุทธ กล่าวว่า จะเร่งนำมติเสนอครม.ให้ความเห็นชอบภายใน1สัปดาห์และคาดว่าจะดำเนินการเยียวยาได้ภายใน1-2เดือน จะเห็นได้ว่ารัฐบาลไม่ได้ละเลยหรือทอดทิ้งผู้ได้รับผลกระทบจากความไม่สงบในภาคใต้ แต่ต้องพิจารณาหลักเกณฑ์อย่างละเอียดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ด้านพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จำนวนผู้ที่จะได้รับการเยียวนั้นได้รวบรวมข้อมูลไว้บางส่วนแล้วแต่ยังไม่สามารถเปิดเผยจำนวนที่แน่นอนได้ ส่วนกรณีชาวบ้าน4รายในพื้นที่จ.ปัตตานีที่ถูกยิงเสียชีวิตหากตรวจสอบแล้วว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐก็เข้าข่ายที่จะได้รับการเยียวยาตามหลักเกณฑ์นี้เช่นกัน แต่ในเบื้องต้นได้เยียวยาให้รายละ5 แสนบาทแล้ว ด้านวิธีการปฏิบัติมีโครงสร้างการให้ความช่วยเหลือที่ชัดเจน กำหนดหลักเกณฑ์การช่วยเหลือเยียวยาให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตวัฒนธรรมและสภาพที่เป็นจริง โดยประมวลข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ในการดำเนินงานอย่างชัดเจนรวมทั้งจะดูแลเยียวยาเป็นรายกรณี ทั้งนี้เพื่อความยั่งยืนที่ประชุมยังเสนอให้สร้างความเข้าใจในกระบวนการเยียวยาแก่ทุกภาคส่วน โดยจัดกองทุนเป็นกลไกในการให้ความช่วยเหลือเยียวยา รวมทั้งให้ความสำคัญกับการใช้หลักศาสนาเยียวยาด้านจิตใจด้วยโดยส่งเสริมการไปประกอบพิธีฮัจย์ หรือกรณีไทย-พุทธการไปปฏิบัติธรรม ณ ดินแดนพุทธภูมิประเทศอินเดีย การประเมินผลเบื้องต้นพบว่าผู้ที่ได้รับการเยียวยาไม่น้อยกว่าร้อยละ50 มีความพึงพอใจ อีกทั้งความหวาดระแวงของประชาชนลดลง สำหรับกรณีเจ้าหน้าที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ไม่สงบจะมีการตั้งคณะกรรมมาขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งหนึ่งภายในกรอบการช่วยเหลือเดียวกัน
พ.ต.อ. ทวี กล่าวต่อว่า เบื้องต้นกรอบการเยียวยาและแนวทางการช่วยเหลือที่ทางคณะอนุกรรมการทั้ง 4 ชุดได้เสนอ มีดังนี้ 1.กลุ่มเหตุการณ์กรือเซะและสะบ้าย้อย ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 106 ราย บาดเจ็บ 6 ราย ถูกจับกุม6 ราย ได้รับการเยียวยารายละ 4.5 ล้านบาท กรณีพิการใช้เกณฑ์1 ล้านบาทและสนับสนุนการไปฮัจย์ 2.เหตุการณ์ตากใบและไอร์ปาแย ผู้เสียชีวิต85 ราย บาดเจ็บ 51 ราย ผู้ต้องคดี 58 ราย ถูกควบคุมตัว 1,300 ราย เยียวยารายละไม่เกิน7.5ล้านบาท ทุพพลภาพ 350,000 บาท บาดเจ็บสาหัส 313,000 บาท บาดเจ็บ 65,000 บาท ผู้ต้องคดีได้รับค่าชดเชยเบื้องต้น 30,000 บาท ค่าชดเชยที่ถูกคุมขังตามจำนวนวันวันละ400 บาท ค่าชดเชยไปดำเนินคดีต่อศาล 10,000 บาท ส่วนผู้ที่ถูกควบคุมได้รับค่าเยียวยาทางจิตใจรายละ 10,000 บาท กลุ่มที่ 3 กรณีสูญหาย 37 ราย ค่าชดเชยรายละ 7.15 ล้านบาท จะมีคณะกรรมการตรวจสอบ 37 อำเภอ กลุ่มที่ 4 เหตุการณ์ทั่วไปจะพิจารณาช่วยเหลือภายใต้วงเงินไม่เกินรายละ 7.5 ล้านบาทเช่นกัน ทั้งนี้นอกเหนือจากตัวเงินที่ทั้ง 4กลุ่มจะได้รับแล้วยังมีการช่วยเหลือในด้านอื่นเช่นที่อยู่อาศัย อาชีพ การศึกษา และการประกอบพิธีฮัจย์ เป็นต้น
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
