วานนี้( 7 ก.พ.) ว่าที่พ.ต.สมบัติ วงศ์กำแหง อุปนายกสภาทนายความ กล่าวถึงกรณีนายไพฑูรย์ วิทยารำพระ เจ้าของร้านเครื่องไฟฟ้า
พบธนบัตร 1.3 ล้านบาทถูกทิ้งไว้ในถังขยะหน้าร้าน ต่อมามีนายวรพงศ์ โรจน์สัตตรัตน์ เจ้าของร้านทองแสดงตัวว่าเป็นเจ้าของเงินที่ถูกเอามาทิ้ง สาเหตุเพราะนายวรพันธ์ โรจน์สัตตรัตน์ ลูกชายเอาเงินที่ซ่อนไว้มาฉีกเพราะแค้นใจว่า เงินส่วนนี้เป็นเงินที่ลูกชายเก็บซ่อนเอาไว้ทีละ 2-3หมื่นบาท จนได้จำนวนมาก ต่อมาเกิดความน้อยใจเอาเงินไปฉีกทิ้ง ส่วนตัวเห็นว่าเงินดังกล่าวยังเป็นเงินของห้างทอง ซึ่งถือเป็นทรัพย์หาย และตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1324 บัญญัติว่าผู้เก็บได้ซึ่งทรัพย์สินหาย อาจเรียกร้องเอารางวัลจากบุคคลผู้มีสิทธิ์ที่จะได้รับทรัพย์สินเป็นจำนวนร้อยละ 10 แห่งค่าทรัพย์สินในจำนวนทรัพย์สามหมื่นบาท และเพิ่มอีกร้อยละ5ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้าผู้เก็บได้ส่งมอบทรัพย์สินนี้แก่เจ้าพนักงานตำรวจให้เสียเงินอีกร้อยละสองครึ่งแห่งค่าทรัพย์สินเป็นค่าธรรมเนียมต่างหากจากเงินรางวัลที่ให้แก่ผู้เก็บได้ แต่ห้ามเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเกิน1,000 บาท อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นต้องพิจารณาว่า เงินที่ทำหายนั้น เจ้าของเงินยังยึดถือติดตามอยู่หรือไม่ ถ้ายังติดตามหาเงินอยู่ คนที่เก็บเงินได้น่าจะได้รางวัลร้อยละ15 ของเงิน1.3ล้านบาท ตามกฎหมายดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้านายวรพันธ์ บุตรชายเป็นเจ้าของเงินแต่ผู้เดียว ผลของกฎหมายจะเปลี่ยนไปอย่างไร ว่าที่พ.ต.สมบัติ กล่าวว่า
ถ้านายวรพันธุ์สละการครอบครองเงิน คือเจตนาทิ้งเงินไปแล้ว เงินจึงไม่มีเจ้าของ เหมือนกับคนที่เอาขยะมาใส่ถุงดำทิ้งหน้าบ้าน คนที่เก็บขยะไปก็ได้ทรัพย์สินไป ดังนั้น นายไพฑูรย์ซึ่งเก็บเงินได้จะเป็นเจ้าของเงินแต่ผู้เดียว
“เรื่องนี้ไม่มีใครพูดถึงคนที่เก็บเงินได้เลย เพราะถ้าคนที่พบเงินคนแรก เกิดเก็บเรื่องไว้ เอาเงินไปเงียบๆ แล้วก็ไม่เป็นข่าว เจ้าของเงินก็คงตามเงินไม่เจอ เรื่องนี้น่าจะปฏิบัติไปตามหลักกฎหมายแพ่งคือมีรางวัลให้คนที่เก็บเงินได้ตามกฎหมาย หรืออย่างน้อยที่สุดน่าจะมีค่าน้ำใจเล็กๆน้อยๆให้บ้างก็ยังดี ”ว่าที่พ.ต.สมบัติ กล่าว
เผย ผู้เก็บเงิน 1.3 ล้านได้ ต้องได้เงิน 15 เปอร์เซ็นต์
หน้าแรกTeeNee ที่นี่ข่าววันนี้, ข่าวหน้าหนึ่ง ข่าวอื่นๆ เผย ผู้เก็บเงิน 1.3 ล้านได้ ต้องได้เงิน 15 เปอร์เซ็นต์