นายเสด็จ บุนนาค อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูปสื่อ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
กล่าวเมื่อวันที่ 30 มกราคม ถึงกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ออกมาระบุว่า ในช่วงปีใหม่ 2555 ที่ผ่านมาว่า มีนายบ่อนได้ลงทุนแจกแล็ปท็อปให้กับนักข่าวประจำกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่า เรื่องนี้อาจทำให้ถูกมองได้ว่า มีการจ่ายสินบนให้กับสื่อมวลชนประจำ บช.น. ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือและบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นเพียงคำให้สัมภาษณ์ของนายชูวิทย์ ดังนั้น หากนายชูวิทย์มีข้อมูลหลักฐานยืนยัน ขอให้ส่งมาให้กับองค์กรวิชาชีพสื่อ โดยมีสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติเป็นองค์กรหลักทำหน้าที่ตรวจสอบเรื่องนี้ ขณะที่ทางสมาคมนักข่าวฯ ก็พร้อมที่จะประสานงานให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกรณีดังกล่าวด้วย
"ขอยืนยันว่า องค์กรวิชาชีพสื่อไม่ได้นิ่งนอนใจและจะไม่ปกป้องผู้ประกอบวิชาชีพที่มีพฤติกรรมละเมิดจริยธรรม แต่การดำเนินการกับนักข่าวที่ละเมิดจริยธรรมนั้น มีขั้นตอนที่จะต้องตรวจสอบข้อมูลต่างๆให้ครบถ้วนรอบด้าน เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย" นายเสด็จ กล่าว
นายเสด็จ กล่าวว่า เบื้องต้นทางสมาคมนักข่าวฯ กำลังตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกเป็นการภายใน เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
การออกมากล่าวหาหรือโจมตีบุคคลในอาชีพต่างๆ จำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบข้อมูล เพื่อป้องกันไม่ตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้ และจากการสอบถามนักข่าวภาคสนามที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายข่าวดังกล่าว ก็ได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ ส่วนจะเป็นพฤติกรรมของบุคคลบางกลุ่ม ที่อ้างตัวว่าเป็นสื่อมวลชนหรือไม่นั้น คงจะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
ขณะที่นายไพโรจน์ เทศนิยม นายกสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า
ในฐานะที่ผู้สื่อข่าวประจำ บช.น. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกโดยตรงของสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย รู้สึกถูกมองว่า สื่อมวลชนกำลังกลายเป็นเครื่องมือของนักการเมืองในการสร้างกระแสและกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งให้ฝ่ายตรงข้ามเสื่อมเสีย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือและบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน
นายไพโรจน์ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า เป็นเพียงคำให้สัมภาษณ์ของนายชูวิทย์
หากมีข้อมูลหลักฐานยืนยัน ขอให้ส่งมาให้สมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทย พร้อมที่จะประสานงานให้ความร่วมมือในการตรวจสอบกรณีดังกล่าว ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกจากการสอบถามนักข่าวภาคสนามที่ปฏิบัติหน้าที่ในสายข่าวดังกล่าวได้ปฏิเสธในเรื่องนี้ ไม่มีสื่อมวลชนประจำ บช.น.ในสังกัดใดที่มีพฤติกรรมดังกล่าว