เข้มนำเข้า หนูนา จากกัมพูชา หวั่นปน หนูท่อ แพร่เชื้อสู่คน!

ในอดีตหนูนาเป็นศัตรูตัวร้ายของนาข้าว และพืชไร่ต่าง ๆ แต่ปัจจุบันหนูนากลับกลายมาเป็นอาหารยอดนิยมของนักบริโภคคนไทยในหลายภูมิภาค
 
จนทำให้หนูนาในประเทศไทยมีจำนวนลดน้อยลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการร้านอาหารคนไทยต้องสั่งหนูนาจากประเทศกัมพูชา เข้ามาทดแทนหนูนาไทย การนำเข้าซากหนูนาจากประเทศกัมพูชาทางชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้วโดยเฉพาะที่ด่านพรมแดนอรัญประเทศ (จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกอรัญประเทศ) วันละประมาณ 3-4 ตัน จึงเป็นธุรกิจที่สำคัญอีกประเภทหนึ่งของผู้ประกอบการคนไทยและคนกัมพูชา แต่การนำเข้าซากหนูนาจากประเทศกัมพูชาจะถูกหรือผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ยังไม่มีหน่วยงานใดรับเป็นเจ้าภาพ เพราะแต่ละหน่วยงานอ้างไม่มี พ.ร.บ.ระบุห้ามนำเข้าซากหนูนาจากประเทศเพื่อนบ้าน

จากการสอบถาม นาย ซก วัน ซึ่งเป็นแรงงานเขมรที่รับจ้างเข็นรถบรรทุกซากหนูนาดังกล่าว เปิดเผยว่า
 
ทุกวันจะรับจ้างผู้ประกอบการชาวกัมพูชาเข็นรถบรรทุกสินค้าที่เป็นซากหนูนาชำแหละและถลกหนังแล้วจำนวนกว่า 300 กิโลกรัมจากพ่อค้าชาวเขมรในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ข้ามมาฝั่งตลาดโรงเกลือเป็นประจำ ซึ่งการนำหนูนาเข้ามาในฝั่งประเทศไทยนั้นจะไม่ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยทำการตรวจสอบแต่อย่างใด เพราะซากหนูนาที่นำมานั้นเป็นซากหนูนาที่ไม่ได้หมักเกลือหรือแช่น้ำยาประเภทใด ๆ จึงทำให้มีกลิ่นเหม็น เจ้าหน้าที่จึงไม่ให้รถที่บรรทุกซากหนูนาเขมรจอดเพื่อตรวจค้น เพราะกลัวจะรบกวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางผ่านเข้าออกบริเวณด่าน

ด้านแม่ค้าชาวไทยที่มารับซื้อหนูนาเขมรในตลาดโรงเกลือ เปิดเผยว่า
 
ปัจจุบันคนไทยนิยมกินหนูนากันมากขึ้นจนทำให้หนูนาในประเทศไทยลดน้อยลงจนแทบจะหากินไม่ได้ พ่อค้าแม่ค้าคนไทยส่วนใหญ่จึงหันมาสั่งซื้อหนูนาจากประเทศกัมพูชาทางด้านตลาดโรงเกลือกันมากขึ้น โดยหนูนาที่สั่งซื้อจากประเทศกัมพูชานั้นจะซื้อเฉพาะหนูนาที่ชำแหละและถลกหนังแล้วเท่านั้น ราคาที่รับซื้อจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 ถึง 100 บาท โดยในแต่ละวันจะสั่งหนูนาเขมรเข้ามาประมาณ 3 ถึง 4 ตัน หลังจากซื้อหนูนาเขมรแล้วพ่อค้าแม่ค้าคนไทยจะนำซากหนูนาดังกล่าวแช่น้ำแข็งแล้วนำกลับไปประกอบเป็นอาหาร เช่น หนูนาย่าง แกงป่าหนูนา และอื่น ๆ ตามที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งลูกค้าจะเข้าใจว่าเป็นหนูนาไทย ทำให้ยอดการจำหน่ายอาหารที่ปรุงจากหนูนาเขมรเพิ่มมากขึ้นทุกวัน  โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวนักบริโภคคนไทยจะชอบกินหนูนามากเพราะมีรสชาติอร่อย นักบริโภคส่วนใหญ่จะอยู่ในพื้นที่ ภาคอีสาน ภาคเหนือ และภาคตะวันออก  แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ การนำเข้าซากหนูนาเขมรนั้นไม่มีหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบโรคที่อาจปะปนมากับซากหนูนาเขมร เช่นโรคฉี่หนู ที่กำลังมีการระบาดอยู่ในหลายพื้นที่ทั้งในประเทศไทย และประเทศกัมพูชา  ที่สำคัญหนูนาเขมรที่ชำแหละและถลกหนังแล้วไม่สามารถแยกแยะได้ว่าตัวใดเป็น “หนูนา” หรือ “หนูบ้าน” อีกทั้งยังไม่สะอาด ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อโรคแต่อย่างใด

นายอายชัย กุลทิพย์มนตรี นายด่านศุลกากรอรัญประเทศ ได้มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ประจำด่านศุลกากรอรัญประเทศ

ทำการตรวจเข้มห้ามไม่ให้นำซากหนูจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทยโดยเด็ดขาด หากจะมีการนำเข้าต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจึงจะสามารถนำเข้าได้  จึงทำให้การนำซากหนูจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทยหยุดชะงักลงทันที  ส่งผลให้พ่อค้าแม่ค้าคนไทยที่เดินทางมาจากหลายจังหวัดเพื่อรับซื้อซากหนูนาเขมรต้องเดินทางกลับบ้านมือเปล่า
        
ด้าน นายแพทย์อัฎศฏางค์ รวยอาจิน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสระแก้ว เผยว่าได้รับคำสั่งให้เป็นแม่งานในการควบคุมและตรวจหาเชื้อโรคสู่คน

โดยได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรหากต้องการนำซากหนูเข้ามาในประเทศไทย ต้องได้รับอนุญาตจากกระทรวงสาธารณสุข และต้องนำตัวอย่างไปตรวจหาเชื้อโรคสู่คนก่อนจึงจะสามารถนำเข้าประเทศไทยได้ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบพอสมควร ส่วนกรณีที่ชาวเขมรอ้างว่ามีการนำซากหนูบ้านหรือ “หนูท่อ” ปะปนมากับซากหนูนาส่งเข้าประเทศไทยนั้น เรื่องนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้เนื่องจากหนูเมื่อถลกหนังแหวะอกควักไส้ออก ก็ไม่สามารถแยกได้ว่าตัวไหนเป็น “หนูนา” หรือ “หนูบ้าน” สิ่งที่สำคัญผู้ที่นิยมบริโภคหนูนาไม่ว่าจะเป็นหนูไทยหรือหนูเขมรควรพิจารณาให้ดีและควรปรุงให้สุกก่อนรับประทานทุกครั้ง
        
นายวิบูลย์  ศรีมั่นคงธรรม หัวหน้าด่านกักกันสัตว์ที่ 2 ภาคตะวันออก เผยว่าขณะนี้ทางด่านกักกันสัตว์สระแก้ว

ได้เก็บตัวอย่างซากหนูเขมร ส่งไปให้ศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตว์แพทย์ภาคตะวันออก(ชลบุรี)เพื่อตรวจสอบหาเชื้อโรคสู่คนที่อาจมากับซากหนูเขมรแล้วคาดว่าภายใน 1 สัปดาห์น่าจะรู้ผล และเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์สระแก้วเข้าไปร่วมทำการตรวจสอบการนำซากหนูเขมรที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึกอรัญประเทศอย่างเข้มงวดแล้ว
       
นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผวจ.สระแก้ว กล่าวว่า การสกัดกั้นซากหนูจากประเทศกัมพูชา เพื่อเป็นการควบคุมป้องกันปัญหาด้านต่าง ๆ
 
โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสุขภาพของผู้บริโภคให้มีความปลอดภัยจากโรคและสารเคมีที่อาจมีการปนเปื้อนมากับซากหนูที่นำเข้าจากประเทศกัมพูชา จึงอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคชาวไทยบ้าง แต่ในอนาคตหากผู้ประกอบการนำเข้าซากหนูจากประเทศกัมพูชาเข้ามาในประเทศไทยดำเนินการตามขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ การนำเข้าซากหนูจากประเทศกัมพูชา ก็จะสามารถนำเข้าได้ต่อไปในอนาคต.