ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)
เปิดเผยความคืบหน้าโครงการจัดซื้อคอมพิวเตอร์แท็บเล็ตให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ในสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตามนโยบาย One Tablet Pc per Child ของรัฐบาล ว่า ขณะนี้เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ที่จะต้องตรวจสอบราคาแท็บเล็ต และเป็นหน้าที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ต้องตรวจสอบสเป๊กเครื่องแท็บเล็ตจากประเทศจีน ซึ่งในส่วนนี้จะพยามให้ได้จำนวนเครื่องมากที่สุด และเพียงพอต่อการใช้งานของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ดังนั้นเมื่อมีงบประมาณเท่าไหร่ก็จะพยายามหาแนวทางให้ได้ราคาอยู่ในวงเงินเท่านั้น ซึ่งคงเป็นมาตรการ Government to Government หรือ จีทูจี ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนในการเจรจาต่อไป
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า การใช้งานแท็บเลตมีความชัดเจนมากขึ้น โดยเฉพาะภาคเรียนที่ 1 จะไม่เน้นการเข้าระบบอินเตอร์เน็ต
แต่จะใช้งานในระบบออฟไลน์ เนื่องจาก สพฐ.ได้เตรียมสาระการเรียนรู้หลักใส่ในแท็บเล็ตให้อย่างเพียงพอแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปสืบค้นข้อมูลในโลกกว้างมากนัก รวมทั้งระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตไร้สายก็ยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ส่วนสเปคเครื่องนั้นมีกรรมการรับผิดชอบอยู่ ซึ่งล่าสุดมีการพิจารณาเพิ่มเติมว่ามีอะไรบ้าง แต่คาดว่าคงไม่หนีจากรูปแบบเดิมที่ม.ศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร กำลังทำวิจัย
“เรื่องสเป๊กเครื่องไม่ใช่เรื่องน่าห่วงมาก เพราะมีตัวอย่างของการนำเสนอสื่อการเรียนรู้จากแท็บเล็ตของม.เกษตรศาสตร์ (มก.) ที่ทำไว้ดีมาก โดยเฉพาะสื่อการเรียนการสอนวิชาคณิตศาสตร์ ที่มีรูปแบบหลากหลายและเรียนรู้เร็ว ส่งผลให้การคิดคำนวณมีความเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อลดช่องว่างการแคลนครู โดยผู้ที่มานำเสนอการใช้เครื่องแท็บเล็ตถึงจะเป็นเครื่องราคาถูก เพียง 4 พันบาท สเป๊กการใช้งานต่ำ และจากประเทศจีน แต่คุณภาพการใช้งานดีเยี่ยม ดังนั้นหากรัฐบาลได้เจรจากับรัฐบาลจีน ก็จะได้เครื่องที่ราคาถูกลงไปอีกมาก ซึ่งคงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะดำเนินการต่อไป” นายชินภัทร กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการประชุมเรื่องเเท็บเล็ตที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน
มีข้อสรุปว่าจะทำความตกลงจีทูจีกับประเทศจีน เพื่อจัดซื้อแท็บเล็ตวงเงิน 1,680 ล้านบาท จำนวน 8 แสนเครื่อง ในราคาเครื่องละ 2,100 บาท โดยให้กระทรวงไอซีทีไปทดสอบแท็บเล็ตของจีนทั้ง 7 รุ่น ว่าผ่านมาตรฐานของไทยหรือไม่ และให้กระทรวงต่างประเทศ เป็นผู้เจรจาเรื่องราคา จากนั้นให้สำนักงบประมาณเป็นผู้จ่ายเงินให้จีนด้วยการบริหารเงินจากงบประมาณที่ กระทรวงศึกษาธิการมีอยู่