คนกรุงแห่กลับ ยอด4วัน241ศพ
แห่กลับกรุงเทพฯ สายเหนือ พหลโยธินเริ่มติดขัด ขณะสาย อีสานถนนมิตรภาพต้องเร่งระบายตลอดเส้นทาง คาดช่วงปากช่องอาจติดขัดต่อเนื่อง ส่วนสถานีขนส่งต่างเสริมรถบขส.
เพื่อส่งผู้โดยสารเข้ากรุงให้หมด มั่นใจไม่มีผู้โดยสารตกค้าง สำหรับผลรณรงค์ 7 วันอันตราย วันที่ 1 ม.ค. อุบัติเหตุคร่าอีก 76 ศพ รวม 4 วันตายแล้ว 241 ราย เมาแล้วขับยังแชมป์สาเหตุชนดับ ขณะเชียงรายแชมป์อุบัติเหตุ ส่วนบุรีรัมย์มีผู้เสียชีวิตสูงสุด
รถชนปีใหม่ดับเพิ่ม 76 ศพ
เมื่อวันที่ 2 ม.ค. ที่ศูนย์ป้องกันและลดอุบัติเหตุ นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข รองประธานกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติ (นปถ.) แถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 ว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 1 ม.ค. 55 ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ลดอุบัติเหตุ เกิดอุบัติเหตุ 562 ครั้ง ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2554 ที่เกิดอุบัติเหตุ 777 ครั้ง หรือลดลง 215 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 26.67 มีผู้เสียชีวิต 76 คน ลดลงจากปี 2554 ที่มี 83 คนหรือลดลง 7 คน คิดเป็นร้อยละ 8.43 มีผู้บาดเจ็บ 600 คน ลดลงจากปี 2554 ที่มี 845 คน หรือลดลง 245 คน คิดเป็นร้อยละ 28.99
สำหรับจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด คือ นครสวรรค์ 6 ราย รองลงมา เชียงราย และสระแก้ว 4 ราย ขณะที่กาฬสินธุ์ ภูเก็ต เพชรบุรี อุทัยธานี สุพรรณบุรี จันทบุรี มีผู้เสียชีวิตจังหวัดละ 3 ราย จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 24 ครั้ง รองลงมาได้แก่ ภูเก็ตและนครสวรรค์ 20 ครั้ง
4 วันอุบัติเหตุคร่า 241 ราย
นายวิทยากล่าวด้วยว่า สถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนนสะสม 4 วัน ตั้งวันที่ 29 ธ.ค.54-1 ม.ค. 55 เกิดอุบัติเหตุรวม 2,167 ครั้ง ลดลงจากปี 2554 ที่เกิดอุบัติเหตุ 2,473 ครั้ง หรือลดลง 306 ครั้ง คิดเป็นร้อยละ 12.37 สำหรับผู้เสียชีวิตรวม 241 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2554 ที่มีผู้เสียชีวิต 234 คน หรือเพิ่มขึ้น 7 คน คิดเป็นร้อยละ 2.99 ผู้บาดเจ็บรวม 2,382 คน ลดลงจากปี 2554 ที่มี 2,656 คน หรือ 274 คน คิดเป็นร้อยละ 10.32
จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 85 ครั้ง รองลงมา นครสวรรค์ 76 ครั้ง สุรินทร์ 62 ครั้ง ส่วนจังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ บุรีรัมย์ 16 ราย รองลงมา ได้แก่ นครสวรรค์ 13 ราย และกรุงเทพฯ 10 ราย ส่วนจังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต ได้แก่ สตูล นนทบุรี อุตรดิตถ์ เพชรบุรี มหาสารคาม หนองคาย อุดรธานี ชัยภูมิ ระนอง ศรีสะเกษ ยะลา ตราด สุโขทัย ตาก กำแพงเพชร และปัตตานี
เมาขับยังแชมป์ชนดับ
สำหรับสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจากสถิติทั้งหมด พบว่าสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาสุรา ร้อยละ 47.86 รองลงมา ขับรถเร็วเกินกำหนด ร้อยละ 19.93 สำหรับยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.59 รองลงมา ได้แก่ รถปิกอัพ ร้อยละ 10.52 โดยอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 61.74 บนถนนอบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 36.30
ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ ช่วงเวลา 16.01-20.00 น. ร้อยละ 25.44 ทั้งนี้ จากการตั้งจุดตรวจหลัก 2,465 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 69,793 คน เรียกตรวจยานพาหนะ 704,164 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดีตามมาตรการลดพฤติกรรมเสี่ยง 10 มาตรการ รวม 97,359 ข้อหา ไม่สวมหมวกนิรภัย 30,698 คน รองลงมา ไม่มีใบขับขี่ 27,121 คน
"ในวันที่ 3-4 ม.ค.นี้ เป็นวันที่ประชาชนเดินทางกลับกรุงเทพฯหรือจังหวัดต่างๆ ได้ให้ทุกจังหวัดประชาสัมพันธ์แนะนำประชา ชนวางแผนเดินทางกลับ ขอให้พักผ่อนให้เพียงพอ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทางที่ดีผู้ขับขี่ควรจอดแวะพักทุก 2 ชั่วโมง หรือทุกระยะ 150 กิโลเมตร ให้ผู้โดยสารหมั่นสังเกตอาการพนักงานขับรถ หากพบว่า มีการเหยียบเบรกบ่อยๆ นั่งนิ่งนานๆ มีอาการหาวบ่อย ให้หยุดจอดพักรถหรือเปลี่ยนให้ผู้อื่นขับแทน และประเด็นสำคัญหากประชาชนพบเห็นผู้บาดเจ็บหรืออุบัติ เหตุฉุกเฉินขอให้โทร.แจ้งที่หมายเลข 1669 ฟรีตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่ง 4 วันที่ผ่านมาโทร.แจ้งเหตุน้อยมากเพียงประมาณร้อยละ 20" นายวิทยากล่าว
ประสานตร.ตั้งด่านตรวจเข้ม
นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เลขานุการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) เปิดเผยว่า จากการรณรงค์ในช่วง 4 วันที่ผ่านมา พบว่าสถิติอุบัติเหตุทางถนนที่เกิดขึ้นในปีนี้มีความรุนแรงสูงกว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสำคัญจากการขับรถเร็วเกินกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดผู้ขับขี่มีอาการอ่อนล้า หลับใน ทำให้ชนวัตถุริมข้างทาง การไม่สวมหมวกนิรภัย การโดย สารท้ายรถกระบะ การไม่คาดเข็มขัดนิรภัยเพื่อควบคุมปัจจัยเสี่ยงดังกล่าว
"ศปถ.จึงขอเน้นย้ำให้ตำรวจภูธรแต่ละจังหวัดและบช.น.ปรับแผนการจัดตั้งจุดตรวจเน้นการปฏิบัติงานบนถนนสายหลักรองรับการเดินทางกลับในช่วงวันที่ 2-3 ม.ค. เพื่อเข้มงวดการตรวจจับการใช้ความ เร็วและการเมาแล้วขับในยานพาหนะประเภทรถกระบะที่บรรทุกผู้โดยสาร จำนวนมากและรถโดยสารสาธารณะเป็นพิเศษแต่ยังคงจัดตั้งจุดตรวจบนถนนสายรอง เน้นตรวจตักเตือนรถจักรยานยนต์ที่ไม่สวมหมวกนิรภัยท้ายนี้" นายวิบูลย์กล่าว
ขนส่งเผยอุบัติเหตุบขส.ลดลง
นายสมชัย ศิริวัฒนโชค อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2555 กรมการขนส่งทางบกส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบความพร้อมของรถโดยสารและพนักงานขับรถ และจัดตั้งศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ 1584 เฉพาะกิจ ให้บริการรับเรื่องร้องเรียนและให้ความช่วยเหลือผู้โดยสารที่สถานีขนส่งหมอชิต เอกมัย สายใต้ใหม่ และภายในบริเวณกรมการขนส่งทางบก
ผลการตรวจสอบรถโดยสารและพนักงานขับรถ ระหว่างวันที่ 29 ธ.ค. 2554 - 1 ม.ค. พบผู้กระทำผิด 155 ราย เปรียบเทียบปรับตามกฎหมาย 64 ราย และตักเตือน 73 ราย ส่วนเรื่องร้องเรียนมี 170 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ แสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ บรรทุกผู้โดยสารเกิน เก็บค่าโดยสารเกินอัตราที่กำหนด ขายตั๋วเกินราคา และขับรถประมาท น่าหวาดเสียว โดยจะเรียกผู้ถูกร้องเรียนมาสอบสวนความผิดเพื่อลงโทษต่อไป
นายสมชัยกล่าวอีกว่า การจัดตั้งจุดพักรถโดยสารสาธารณะอีก 8 จุด ที่ กำแพงเพชร พิษณุโลก บุรีรัมย์ ระยอง นครราชสีมา ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ได้ตรวจสอบรถโดยสารสาธารณะ ที่จุดพักรถ 7,063 คัน พบผู้กระทำผิด 73 ราย ความผิดส่วนใหญ่ ได้แก่ นำรถออกนอกเส้นทางโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ไม่พกพาใบอนุญาตขับรถ บรรทุกผู้โดยสารเกิน ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขผู้ประจำรถ ใช้รถไม่ตรงกับที่จดทะเบียน และตรวจพบแอลกอฮอล์ในลมหายใจเกินศูนย์มิลลิกรัม % 1 ราย ได้นำส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามจากสถิติรถโดยสารสาธารณะที่เกิดอุบัติเหตุในช่วงปีใหม่นี้ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค. 2554 - 1 ม.ค. มีรถโดยสารสาธารณะที่เกิดอุบัติเหตุ เพียง 7 คัน ถือว่าลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน ที่เกิดอุบัติเหตุถึง 15 คัน
สายเหนือทยอยกลับจนรถติด
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่า ประชาชนและนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางกลับกรุงเทพฯ แล้ว หลังจากฉลองเทศกาลปีใหม่ ส่งผลให้สภาพการจราจรติดขัด โดย ถ.พหลโยธินสายเชียงราย-พะเยา และเชียงราย-เชียงใหม่ มีผู้ใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.เชียงราย แห่งที่ 2 ต.สันทราย อ.เมือง ก็มี ผู้โดยสารไปใช้บริการเต็มสถานีเช่นกัน
นายวิเชียร เรือนศรี นายสถานีขนส่ง จ.เชียงราย กล่าวว่า ขณะนี้มีประชาชนและนักท่องเที่ยวจำนวนมากทยอยเดินทางกลับ ซึ่งประชาชนจำนวนมากซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว ทำให้สถานีเพิ่มรถเสริมอีก 20-30 คัน เพิ่มเป็น 75-80 เที่ยว เพื่อไม่ให้ผู้โดยสาร ต้องตกค้าง ขณะเดียวกันได้ดูแลความปลอดภัยของพนักงานขับรถไม่ให้ดื่มแอล กอฮอล์ และจะผลัดกันขับกรณีข้ามจังหวัดอย่างน้อยคันละ 2 คนด้วย
เร่งระบายรถเส้น'พหลฯ'
ที่ จ.พิจิตร นายอนันต์ สิริเขียว อายุ 40 ปี พนักงานปล่อยรถ บขส.พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับไปทำงานตามจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ทาง บขส.เพิ่มเที่ยวรถโดยสารชั้น ป.1 และ ป.2 อย่างละเที่ยวโดยเฉพาะช่วงเช้า เพราะรถทัวร์ของ จ.พิจิตร มีจำกัดไม่สามารถเพิ่มเที่ยววิ่งได้ จนทำให้มีผู้โดยสารตกค้าง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครสวรรค์ ว่า ประชาชนทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ หลังจากฉลองเทศกาลปีใหม่ โดยสภาพการจราจรส่วนใหญ่ประชาชนใช้เส้นทางสาย นครสวรรค์-พิษณุโลก สายนครสวรรค์-กำแพงเพชร โดยสายนครสวรรค์-กำแพง เพชร จะใช้สาย 122 เส้นทางเลี่ยงเมืองบ้านหนองตะโก-บ้านกลางแดด แล้วเข้า ถ.พหล โยธิน ที่บ้านกลางแดด ส่วนสี่แยกจิระประวัติจราจรติดขัดอย่างมาก เจ้าหน้าที่ต้องปิดสัญญาณไฟจราจรตามทางแยกต่างๆ และเตรียมเปิดช่องทางพิเศษขาขึ้นอีก 1 ช่องทาง ขณะที่สามแยกบึงบอระเพ็ดเจ้าหน้าที่ปิดไฟจราจรให้รถวิ่งตรงเข้ากรุงเทพฯ สภาพการจราจรโดยรวมติดขัดมาก เนื่อง จากมีปริมาณรถที่มาจากทางภาคเหนือเป็นจำนวนมาก
คนแห่กลับแน่นขนส่งโคราช
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดนครราชสีมา ว่า ที่สถานีขนส่งนครราชสีมาแห่งที่ 2 หรือ บขส.ใหม่ ถ.มิตรภาพ อ.เมือง จุดผ่าน และต้นทางของรถโดยสารสาธารณะ ในเขต 19 จังหวัดอีสาน จำนวน 84 เส้นทาง ในแต่ละวัน มีรถโดยสารแล่นผ่านเข้า-ออกต่อวันไม่ต่ำกว่า 1,600 เที่ยว ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา ประชาชนนับพันคนต่างทยอยเดินทางมาใช้บริการ โดยส่วนใหญ่จะใช้บริการรถร่วมโดยสารปรับอากาศ สาย 21 นครราชสีมา-กทม. แม้สถานีขนส่งจะพยายามจัดรถให้ แต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการ มีผู้โดยสารตกค้างต้องรอรถโดยสารกันไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง
นายวัฒนา พัทรชนม์ ผอ.สำนักงานขนส่งจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า ปัญหาที่พบในทุกช่วงเทศกาล จำนวนรถร่วมโดยสารสาย 21 กรุงเทพฯ-ราชสีมา จะมีไม่เพียงพอในการรองรับผู้โดยสาร เราได้พยายามบรรเทาปัญหาการตกค้าง โดยเปิดบริการเต็มพิกัด 450 เที่ยวต่อวัน และสำรองรถโดยสารไม่ประจำทางอีก 50 คัน ซึ่งสามารถให้บริการไม่ต่ำกว่า 100 เที่ยวต่อวัน เพื่อรองรับผู้โดยสารที่มาใช้บริการพร้อมๆ กัน
คาด ถ.มิตรภาพติดขัดทั้งคืน
นายวัฒนากล่าวด้วยว่า นอกจากนั้นสถานการณ์ขณะนี้ที่การจราจรคับคั่งทำให้ระยะเวลาของการเดินรถ ระหว่างนครราช สีมา ถึง กทม. ต้องใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง จึงขอแนะการใช้บริการควรวางแผนการเดินทางให้ดี เลือกเส้นทางที่เหมาะสม โดยจองตั๋วเดินทางล่วงหน้า และตรวจสอบเวลาเข้า-ออก ของรถโดยสาร หากผู้ใช้บริการพบการกระทำผิด และการเอารัดเอาเปรียบผู้โดยสาร สามารถแจ้งเบาะแส หรือเรื่องราวร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือที่สายด่วน 1584
ผู้สื่อข่าวรายงานการจราจรบนถนนมิตร ภาพช่วงผ่าน จ.นครราชสีมา ว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายการจราจรบน ถ.มิตรภาพ เริ่มมีปริมาณรถหนาแน่นมาก เนื่องจากประชาชนเริ่มทยอยเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ส่งผลให้การจราจรบางช่วงติดขัดอย่างหนัก เช่น บริเวณแยก อ.สูงเนิน ทางต่างระดับ อ.สีคิ้ว บริเวณแยกบ้านโพธิ์ อ.เมืองนครราชสีมา ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาต้องเปิดช่องทางพิเศษบริเวณช่วงดังกล่าวเป็นระยะทางยาว 5 กิโลเมตร เพื่อเร่งระบายปริมาณรถ
ขณะที่ช่วงบริเวณทางขึ้นเขา ต.กลางดง อ.ปากช่อง ก็มีปริมาณรถสะสมมากเช่นกัน ซึ่งการจราจรช่วงทางขึ้นเขารถต้องเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ เนื่องจากมีปริมาณรถมาก โดย บก.จว.นครราชสีมาได้ระดมกำลังตำรวจกว่า 4,200 นาย มาคอยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการเดินทาง คาดว่าการจราจรบนถนนมิตรภาพจะหนาแน่นต่อเนื่องไปจนถึงช่วงกลางคืนของวันที่ 2 ม.ค. ต่อเนื่องถึงเช้าวันที่ 3 ม.ค.
อีสานปิดจุดยูเทิร์นเร่งระบายรถ
นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผอ.สำนักทาง หลวงที่ 8 กรมทางหลวง รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา-บุรีรัมย์-ปราจีนบุรี และสระแก้ว เปิดเผยว่า ขณะนี้ปริมาณยานพาหนะจำนวนมากกำลังแล่นสัญจรผ่านเส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 2 ถ.มิตรภาพ ด้านขาล่องมุ่งหน้าเข้าสู่เขตภาคกลาง การบรรเทาปัญหาคับคั่งของปริมาณยานพาหนะ และลดการเกิดอุบัติเหตุ ในช่วงเส้นทางหลัก ประตูหน้าด่านอีสาน ถ.มิตรภาพ ระหว่างทางแยกนครราชสีมา หรือทางแยกบิ๊กซี โคราช ถึง ต.แก่งคอย จ.สระบุรี จะปิดจุดกลับรถชั่วคราว 29 จุด จาก 67 จุด และ ถ.มิตรภาพ เส้นทางระหว่าง จ.ขอนแก่น ถึง จ.นครราชสีมา จะปิดจุดกลับรถชั่วคราว 18 จุด จาก 57 จุด รวมทั้งการปิดทางเข้า-ออก บางช่วง ในการควบคุมยานพาหนะที่แล่นผ่าน จนท.จะให้สัญญาณไฟจราจรสีเขียว โดยเน้นระบายทางหลักให้ผ่านมากที่สุด
นายสราวุธกล่าวอีกว่า หากยังมีปริมาณยานพาหนะคับคั่งจะเปิดช่องทางพิเศษชั่วคราว เพื่อให้รถยนต์แล่นสวนทางกัน 1.ที่หลักกิโลเมตรที่ 204-208 ที่บ้านโนนทราย ถึงทางแยกตลาดแค อ.โนนสูง 2.ที่หลักกิโลเมตรที่ 175 ถ.มิตรภาพ ถึงช่วงรอยต่อระหว่างเส้นทางเลี่ยงเมือง ถ.สามแยกปักธงชัย-จอหอ หลักกิโลเมตรที่ 17 บ้านหนองกระดังงา ต.บ้านโพธิ์ อ.เมือง 3.ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 103 ถ.มิตรภาพ ถึงทางแยกต่างระดับสีคิ้ว หลักกิโลเมตรที่ 91 และ 4.ช่วงหลักกิโลเมตรที่ 51-54 ด่านตรวจเขาบันไดม้า ถึงฟาร์มโชคชัย อ.โชคชัย ในช่วงผ่านทางร่วม ทางแยก ได้วางวัสดุที่ไหล่ทาง มีกรวยทาง แท่งคอนกรีต และยางรถยนต์ เพื่อบังคับการจราจร ให้ยานพาหนะแล่นตามกัน มิให้ผู้ขับขี่เร่งความเร็วแซงซ้าย หรือเบียดแทรกในบางช่วง ทำให้เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชน หรือชนท้ายกัน การสัญจรจะไม่สามารถใช้ความเร็วได้ตามปกติ แต่เคลื่อนไหวได้เรื่อยๆ ซึ่งสามารถพร่องปริมาณยานพาหนะที่สะสมได้ในระดับหนึ่ง
สุรินทร์ติดยาว 6 กิโลฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.บุรีรัมย์ ว่า มีประชาชนทยอยเดินทางกลับกรุงเทพฯ และตามจังหวัดต่างๆ ทำให้บรรยากาศที่สถานีขนส่งผู้โดยสาร และสถานีรถไฟบุรีรัมย์เป็นไปอย่างคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่ตั๋วรถไฟเที่ยวกลับปลายทางกรุงเทพฯ จองเต็มล่วงหน้าทุกที่นั่งตั้งแต่วันที่ 1-4 ม.ค. ส่วนผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางแต่ไม่ได้จองตั๋วล่วงหน้าก็ยังสามารถชื้อตั๋วเดินทางกลับในขบวนรถเสริมที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จัดไว้บริการอีก 4 ขบวน ส่วนที่สถานีขนส่งได้จัดเตรียมรถเสริมไว้ 84 คัน เพื่อระบายผู้โดยสารที่เดินทางกลับได้โดยไม่ตกค้าง
ที่ จ.สุรินทร์ นายประถม ประเมินดี นายอำเภอปราสาท จ.สุรินทร์ พ.ต.อ.ตะวันกฤตฐ์ เทียมฟ้าพลกรัง ผกก.สภ.ปราสาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปราสาท ระดมกำลังชุดจราจรและสายตรวจให้บริการระบายรถยนต์ให้คล่องตัว บริเวณสี่แยกสายโชคชัย-เดชอุดม สุรินทร์-ช่องจอม อ.ปราสาท ทั้งขาขึ้นกรุงเทพฯ และขาล่อง เนื่องจากประชาชนเริ่มทยอยกันเดินทางกลับ เพื่อเตรียมตัวทำงานทำให้การจราจรติดขัดยาวเหยียด 6 กิโลเมตร คาดว่าตลอดทั้งคืนจะมีรถยนต์จำนวนมาก
แรงงานทยอยกลับ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.หนองคาย ว่า ในช่วงค่ำบริเวณสถานีรถไฟหนองคายเต็มไปด้วยผู้ที่จะเดินทางกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ใช้แรงงานทั้งชาวไทยและชาวลาว โดยเฉพาะชาวลาวจองรถไฟชั้น 3 ล่วงหน้า ส่วนแรงงานชาวไทยก็ใช้สิทธิ์โดยสารรถไฟฟรี ซึ่งขบวนรถด่วนที่เป็นรถที่ต้องเสียค่าโดยสารทั้งหมดออกจากสถานีหนองคาย เวลา 18.20 น. ก็เต็มทุกที่นั่ง
ส่วนรถขบวนรถเร็ว ที่มีตู้โดยสารชั้น 3 เป็นรถไฟฟรีนั้น เจ้าหน้าที่บอกว่าเต็มทุกตู้จนต้องยืนเบียดกัน และจะเต็มไปจนถึงวันที่ 4 ม.ค. หลังจากที่เจ้าหน้าที่อนุญาตให้ผู้โดยสารขึ้นบนรถไฟฟรี ผู้โดยสารต่างแย่งกันขึ้นบนตู้โดยสาร เพื่อจับจองหาที่นั่ง และเป็นที่น่าสังเกตว่าผู้โดยสารเกือบทุกคนจะมีกระสอบข้าวสารที่เตรียมมาเพื่อนำไปรับประทานที่กรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่า ปีนี้ข้าวแพงจึงต้องนำข้าวสารจากบ้านไปกินเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย โดยเอาไปเท่าที่จะมีกำลังขนเอาไปได้