ชมช๊อตเด็ด ! นาทีต่อนาทีฮอนด้าลุยทุบรถแช่น้ำ 1,055 คัน

ในช่วงมหาวิกฤตอุทกภัยที่เกิดขึ้นในประเทศไทย มีภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย แต่ภาพหนึ่งที่ติดตาผู้คน และสะท้อนถึงความเสียหายอันมหาศาลอย่างประมาณค่ามิได้ในทางเศรษฐกิจ คือ ภาพของรถยนต์ใหม่เอียมกว่า 1,055 คันของบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัดที่จอดเรียงรายจมอยู่ในน้ำบริเวณนิคมอุตสาหกรรมโรจนะสุดลูกหูลูกตา

จนถึงวันนี้ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว แต่ภาพความเสียหายต่าง ๆ ยังคงมีให้เห็นทั่วบริเวณ  โดยเฉพาะซากรถยนต์หลากยี่ห้อราคาแพงที่ถูกแช่น้ำ จนเปลี่ยนเป็นสีขี้โคลนตั้งตระหง่านให้เห็นเป็นอนุสรณ์เตือนใจคนในรัฐบาลไทย กับคำว่า "เอาอยู่"

ขณะที่ภาพลักษณ์ก่อนน้ำจะมาโรงงานแห่งนี้มีพนักงานทั้งสิ้น 7,074 คน มีกำลังการผลิตรถยนต์สูงสุดถึง 240,000 คันต่อปี และเป็นฐานการผลิตหลักของฮอนด้าในภูมิภาคเอเซียและโอเซียเนีย ผลิตรถยนต์ฮอนด้าทั้งหมด 5 รุ่น ได้แก่ บริโอ้ ,แจ๊ซ ,ซีวิค ,แอคคอร์ด และซีอาร์-วี สำหรับจำหน่ายในประเทศไทย และส่งออกไป

ยังประเทศต่าง ๆ กว่า 30 ประเทศทั่วโลก  ด้วยกำลังการผลิตของโรงงานนี้ถือเป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์นั่งที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย และมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 6 ของเครือฮอนด้าทั่วโลก รองจากโรงานในญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน แคนาดา และสหราชอาณาจักร 

 วันนี้ (27 ธ.ค.54) แม้บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล  (ประเทศไทย) จำกัดจะค่อนข้างบอบช้ำสาหัสกว่าค่ายรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้ออื่นในเมืองไทย แต่พิทักษ์  พฤทธิสาธิกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้าฯ ได้ออกมาประกาศ ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่น และพร้อมจะยืนเคียงข้างฝ่าวิกฤตไปพร้อมกับคนไทย

พร้อมประกาศนโยบายชัดเจนยืนยันคุณภาพผลิตภัณฑ์ ตอบแทนความเชื่อมั่นของสังคมไทย ด้วยการเริ่มต้นการทำลายรถยนต์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในโรงงานผลิตรถยนต์ฮอนด้า ในสวนอุตสาหกรรมโรจนะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  จำนวนรวม 1,055 คัน โดยแบ่งเป็นรุ่นบริโอ้ 217 คัน, แจ๊ซ 213 คัน, ซิตี้ 353 คัน, ซีวิค  150 คัน,  แอคคอร์ด 91 คัน, ซีอาร์–วี 30 คัน และฟรีด 1 คัน ทั้งนี้ ทุกขั้นตอนการทำลายคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ โดยบริษัทคาดว่าภารกิจการทำลาย และแยกชิ้นส่วนทั้งหมดนี้จะใช้เวลาประมาณ 1 เดือนจะดำเนินการได้เรียบร้อย

โดยบริษัท ฮอนด้ามีนโยบายชัดเจนด้านการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์สูงสุด ทั้งยังมีขั้นตอนที่เข้มงวดในการทำลายชิ้นส่วน อะไหล่ และรถยนต์ที่เสียหายทั้งหมด โดยจะไม่มีการนำมาจำหน่ายให้กับลูกค้าอย่างแน่นอน เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจและคลายกังวลว่าจะไม่มีชิ้นส่วนใดๆ ออกไปจากโรงงาน หรือถูกนำไปใช้ใหม่ เราจึงดำเนินการทุกขั้นตอนภายในโรงงานเท่านั้น และเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้ลูกค้ามากขึ้นอีกทางหนึ่ง บริษัทได้มีการบันทึกหมายเลขตัวถัง และหมายเลขเครื่องยนต์ที่ถูกทำลายทุกคัน โดยการเผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ www.honda.co.th ให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้

"ฮอนด้าจะทุ่มเทความพยายามในการบริหารจัดการอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อให้โรงงานกลับมาดำเนินการผลิตรถยนต์ได้โดยเร็วที่สุด ระหว่างนี้ทางฮอนด้าจะนำเข้ารถยนต์รุ่นที่มีการผลิตในประเทศไทยเข้ามาจำหน่ายให้ลูกค้าก่อน ตลอดจนเราจะเดินหน้าดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้ฮอนด้ายังคงเป็นบริษัทที่สังคมต้องการให้ดำรงอยู่ และก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับสังคมไทย เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งหนึ่ง”นายพิทักษ์กล่าวตอนท้าย

สำหรับกระบวนการทำลายรถยนต์ฮอนด้าที่เสียหายจากน้ำท่วม มี 6 ขั้นตอน ได้แก่

ขั้นตอนที่ 1 ถอดชิ้นส่วนด้านบนห้องเครื่อง จะมีการถอดฝากระโปรงหน้า แว็กซ์น้ำยาแอร์ ถอดกรองอากาศ ดูดน้ำมันเกียร์ ดูดน้ำมันเพาเวอร์ ดูดน้ำมันเบรค ถอดแบตเตอรี่ ชิ้นส่วนพลาสติกภายนอก (กันชน) และกระจกมองข้าง โดยแยกไว้เพื่อนำมาบริหารจัดการอย่างถูกวิธีต่อไป

ขั้นตอนที่ 2 ถ่ายสารเหลว ถอดชิ้นส่วนด้านล่าง ถอดเครื่องยนต์ จุดนี้จะมีการถ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำในหม้อน้ำ น้ำมันเพาเวอร์ น้ำมันเบรก ถอดล้อหน้า-หลัง ถอดท่อไอเสีย ถอดถังน้ำมันเชื้อเพลิง ถ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง  และยกเครื่องยนต์ออกจากตัวถัง  โดยสารเหลวจะนำมากำจัดตามกระบวนการ

ขั้นตอนที่ 3 ถอดชิ้นส่วนพลาสติกภายใน ถอดโช้คอัพ จุดนี้จะมีการถอดชิ้นส่วนพลาสติกภายในรถ   โช้คอัพ หม้อน้ำ แผงทำความเย็น สายไฟ และล้ออะไหล่

ขั้นตอนที่ 4 แยกชิ้นส่วนเครื่องยนต์และเกียร์ ขั้นตอนที่ 5 ทำลายชิ้นส่วน และบีบอัดตัวถัง จุดนี้จะตัดทำลายชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ตัดทำลายส่วนประกอบเครื่องยนต์ ตัดชิ้นส่วนช่วงล่าง เจาะทำลายยาง ตัดล้ออัลลอย ย่อยพลาสติก ตัดหมายเลขตัวถังรถยนต์ ตัดส่วนหน้าของตัวถัง และอัดตัวถังด้วยเครื่องบีบอัด เมื่อบีบอัดเสร็จแล้ว จากนั้นทำการบันทึกหมายเลขรถไว้เป็นหลักฐาน

ขั้นตอนที่ 6 การจัดเก็บแยกประเภทเพื่อส่งเข้ากระบวนการรีไซเคิล  ชิ้นส่วนที่ถูกทำลายทั้งหมดจะนำไปสู่กระบวนการแยกและรีไซเคิล

โดยชิ้นส่วนที่ถูกทำลายแบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ 1)ก้อนอัด จะถูกนำไปแยกโดยใช้รถ Backhoe เพื่อคลายก้อนอัด ก่อนส่งเข้าเครื่อง Shredder  ซึ่งจะแยกออกมาได้ 3 ส่วนคือ ส่วนที่เป็นเหล็ก สามารถนำไปหลอมใหม่ได้  ส่วนที่เป็นวัตถุที่ไม่ใช่เหล็ก สามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ โดยแยกเป็นอลูมิเนียม ทองแดง โฟม พลาสติก และยาง และส่วนที่เป็นฝุ่นและเศษกากต่างๆ จะส่งบริษัทที่ได้รับอนุญาตนำไปฝังกลบ

2)ชิ้นส่วนรีไซเคิล เป็นชิ้นส่วนรถยนต์ที่ถูกทำลายจนเสียรูปแล้ว แต่ยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้ เช่น     ล้ออลูมิเนียม ชิ้นส่วนภายในเครื่องยนต์ ชิ้นส่วนที่เป็นอลูมิเนียม พลาสติก และยาง

3)วัตถุอันตราย ได้แก่ แบตเตอรี่และของเหลว จะส่งไปยังโรงงานที่ได้รับอนุญาตเพื่อนำไปบำบัดและ     รีไซเคิลต่อไป