นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในระหว่างการปาฐกถาพิเศษ
ในหัวข้อ“รวมพลังขับเคลื่อนประเทศไทยอย่างยั่งยืน”ซึ่งจัดขึ้นในงานสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 29 ที่จ.ระยองว่า แผนบริหารจัดการน้ำหรือโครงการของรัฐบาลเรื่องน้ำ อาทิ เส้นทางที่จะระบายน้ำที่จะดำเนินการนั้น ต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ต้องมีการลงทุน และใช้เวลาในการดำเนินการนาน แต่เชื่อว่าสิ่งที่ทำจะคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจ
สำหรับในระยะสั้น ที่รัฐบาลเห็นว่าจะต้องเร่งดำเนินการคือการขุดลอกคูคลอง และบริหารจัดการประตูระบายน้ำที่ชำรุด
และสำรวจเครื่องสูบน้ำ เนื่องจากที่ผ่านมาเห็นว่าเมื่อมีการเบิกงบประมาณเพื่อมาดำเนินการเรื่องดังกล่าว แต่ไม่มีหลักฐานชัดว่ามีการดำเนินการจริงหรือไม่ อย่างไรจะเร่งให้แล้วเสร็จใน 3-5เดือนนี้ เพื่อให้ทันกับฤดูฝนในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดูฝน
“ต้องยอมรับว่าการบริหารจัดการน้ำ รัฐบาลอาจจะไม่สามารถบอกได้ว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ แต่ให้ความมั่นใจว่า เมื่อน้ำท่วมจะไม่สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ หรือพื้นที่สำคัญ ๆให้น้อยที่สุด อีกทั้งผู้ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมจะได้รับการดูแล และได้รับการชดเชยเป็นอย่างดี”นายกิตติรัตน์กล่าวและว่า
นอกจากนี้ รัฐบาลมีการพิจารณาปรับเรื่องการบริหารจัดการ 25 ลุ่มน้ำให้มีระบบป้องกันปัญหาอุทกภัยที่ทันสมัย
ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ถือเป็นชุดแรกที่มีการพิจารณาดำเนินการในเรื่องนี้ โดยมีการนำผลงานวิจัยของไจก้าที่ได้เคยศึกษาไว้เกี่ยวกับลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยามาศึกษาด้วย โดยการบริหารดังกล่าวได้จัดให้อยู่ในแผนแม่บท โดยแผนดังกล่าวดำเนินการใกล้แล้วเสร็จ และพร้อมที่จะมีการแถลงการต่อสาธารณะชนเร็วๆนี้
ส่วนจะมีการกำหนดพื้นที่ที่จะใช้เป็นเส้นทางระบายน้ำ (Flood Way) นั้นจะมีการบินสำรวจเส้นทางทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกในวันที่ 12ธันวาคมนี้
ร่วมกับกองทัพบกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดพื้นที่ที่จะใช้ดำเนินการซึ่งต้องศึกษาว่าจะใช้พื้นที่ใดอย่างรอบคอบ เนื่องจากจะต้องมีการเวนคืนที่ดินบางส่วนรวมทั้งต้องกำหนดอัตราค่าจ่ายเงินเวนคืนหรือชดเชยให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการทำโครงการดังกล่าวซึ่งส่วนนี้ถือเป็นโครงการระยะยาวที่ต้องดำเนินการ
นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า วันนี้ตนรับข้อเสนอของหอการค้าไปพิจารณาสานต่อโครงการต่าง ๆ ที่คงต้องมีการทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้น
โดยส่วนเรื่องข้อเสนอของหอการค้าใน 3 ประเด็นหลักไปพิจารณาดำเนินการคือในเรื่องของการต่อต้านการคอร์รัปชั่นหรือการฉ้อราษฎร์บังหลวง โครงการช่วยสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรซึ่งรัฐบาลจะต้องเข่าไปช่วยสนับสนุนและการสนับสนุนการดำเนินการของหอการค้าที่ภาครัฐจะต้องมีการทำงานร่วมกันกับภาคเอกชนใกล้ชิดกันมากขึ้น
สำหรับข้อกังวลจากภาคเอกชนเกี่ยวกับการเกิดทุจริตในโครงการก่อสร้างและการฟื้นฟูหลังน้ำท่วมนั้นภาครัฐจะดำเนินการไม่ให้เกิดการรั่วไหลโดยเฉพาะโครงการที่มีดร.วีรพงษ์ รามางกูร เป็นประธานประชาชนมั่นใจได้ว่ารัฐบาลจะต้องทำให้โปร่งใสและมีการพิจารณาอย่างรอบครอบในการใช้งบประมาณให้คุ้มค่าให้เกิดประโยชน์