กปน.เดินหน้าแก้ปัญหาคุณภาพน้ำประปา

กรุงเทพฯ 22 พ.ย. - การประปานครหลวงเดินหน้าแก้ปัญหาคุณภาพน้ำดิบเพื่อการผลิตน้ำประปา โดยเฉพาะการเติมออกซิเจนในน้ำ  สร้างความมั่นใจให้ประชาชน

นายเจริญ ภัสระ ผู้ว่าการการประปานครหลวง หรือ กปน. กล่าวถึงคุณภาพน้ำประปาในขณะนี้ว่ายังไม่มีการลดปริมาณสารเคมี และการเติมออกซิเจน

เพื่อรักษาคุณภาพน้ำประปา เนื่องจากคุณภาพน้ำดิบยังด้อยคุณภาพอยู่ โดย กปน.จะเร่งแก้ปัญหาคุณภาพน้ำประปาเพื่อให้ใช้ในการอุปโภค บริโภคได้  ซึ่งขณะนี้ได้รับความร่วมมือจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  มอบเครื่องเติมแก๊สออกซิเจนในน้ำดิบสำหรับการผลิตน้ำประปาที่มีคุณภาพ มูลค่า 10 ล้านบาท เป็นการติดตั้งระบบการจ่ายแก๊สออกซิเจนบริสุทธิ์ 99.5 % โดยเป็นเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี และเป็นครั้งแรกที่ใช้ในระบบการผลิตน้ำประปาในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเป็นการเตรียมพร้อมเพื่อรองรับน้ำด้อยคุณภาพที่ขังอยู่ตามทุ่งที่จะไหลตามมา หลังจากน้ำในพื้นที่ภาคกลางตอนบนเริ่มลดลง ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดขึ้นทุกปีหลังน้ำลด

นายเจริญ กล่าวว่า กปน.ได้ทดลองใช้ระบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวันที่18 พ.ย.

พบว่าอุปกรณ์ดังกล่าวช่วยเพิ่มค่าออกซิเจนในคลองประปาได้ประมาณร้อยละ 86-90 โดยอัตราการใช้แก๊สออกซิเจนของ กปน.เฉลี่ยวันละ 7,000 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมกันนี้ ยืนยันคุณภาพน้้ำประปายังเป็นไปตามมาตรฐานองค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่เข้ามาตรวจสอบคุณภาพน้ำประปาไทย

นอกจากนี้ ในวันนี้ กปน.ได้รับมอบเครื่องสูบน้ำจำนวน 29 เครื่อง และเครื่องเติมอากาศจำนวน 4 ชุด อย่างเป็นทางการมูลค่า 14.8  ล้านเยน หรือ 6 ล้านบาท

จาก นายเซจิ โคอิจิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ซึ่งเป็นตัวแทนจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศญี่ปุ่น หรือไจก้า  โดยเครื่องสูบน้ำจำนวน 29 เครื่อง มีกำลังสูบน้ำ 3,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ส่วนเครื่องเติมอากาศจำนวน 4 ชุด จะช่วยในการเติมอากาศปรับปรุงคุณภาพน้ำดิบได้ถึง 12,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการจ่ายน้ำประปาที่สะอาดและปลอดภัยให้กรุงเทพมหานครต่อไป ทั้งนี้ ได้มีการนำเครื่องสูบน้ำ และเครื่องเติมอากาศมาใช้แล้วที่โรงผลิตน้ำบางเขนและคลองสวัสดิ์ ในการกู้วิกฤติสถานการณน้ำในช่วงที่ผ่านมา

ด้านนายเซจิ โคอิจิมะ กล่าวว่าทางรัฐบาลญี่ปุ่น พร้อมร่วมมือในการแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในระยะยาวในประเทศไทย ผ่านทางความร่วมมือของไจก้า เจบิค เจโทร โดยได้มีการพูดคุยกับรัฐบาลในการทำแผนแม่บทฉบับใหม่ในการจัดการน้ำ หลังจากที่เคยร่วมจัดทำแผนแม่บทในปี 2542 ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมให้ความช่วยเหลือทั้งระยะสั้นและระยะยาว. –สำนักข่าวไทย