นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและทำตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป มาม่า
เปิดเผยว่า บริษัทไม่เห็นด้วยกับนโยบายนำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศ เข้ามาวางจำหน่าย ตามแนวคิดของรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาสินค้าขาดตลาด เพราะไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอย่างแท้จริง แต่สิ่งที่ทำให้ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีไม่เพียงพอในตลาด มาจากปัญหาขนส่งสินค้า จึงไม่สามารถขนส่งเข้ามาในเขต กทม.ได้สะดวก และใช้เวลานาน แตกต่างจากพื้นที่รอบนอกเขต กทม. ยังมีสินค้าวางจำหน่ายจำนวนมาก
ทั้งนี้ในปัจจุบัน มาม่า มีสินค้าเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค โดยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 100,000 หีบต่อวัน
และบางวันก็มีปริมาณสินค้ามากกว่า 100,000 หีบ ถือว่ามีกำลังการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตลอด 24 ชั่วโมง หรือมีระยะเวลาการทำงานออกเป็น 3 กะ และบางวันแบ่งเป็น 2 กะ เพราะปริมาณสินค้าที่มีอยู่ในสต๊อกมากเกินไป จึงต้องลดปริมาณการผลิต
“สิ่งที่อยากให้ภาครัฐเข้ามาดูแลคือ การขนส่งสินค้า ไม่ใช่เรื่องนำเข้าสินค้า เพราะถ้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคจริง บริเวณรอบนอกกรุงเทพฯ ก็ต้องไม่มีมาม่าจำหน่าย แต่ปัจจุบันยังมีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปวางตลาดอยู่ ผมไม่ได้อิจฉาตาร้อนที่ภาครัฐนำเข้าสินค้า แต่ถ้านำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่นำเข้ามาขายคู่กับมาม่า ผมว่าขายสู้เท่ามาม่าไม่ได้ ตอนนี้สินค้าในประเทศมีเพียงพอ จึงไม่จำเป็นต้องนำเข้า และยังผิดกฎหมายอนุญาตนำเข้า โดยไม่มี อย. ที่ผ่านมายอมรับว่ามาม่าอาจขาดไปบ้างในพื้นที่น้ำท่วม เพราะขนส่งลำบาก”
นายธีรพันธ์ โล่ห์ทองคำ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ธรู เดอะไลน์ คอม มิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในฐานะนักวิชาการ นักการตลาดและที่ปรึกษาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตราไวไว
กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่จะนำเข้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปจากต่างประเทศ เพราะไม่ใช่แก้ปัญหาถูกทาง ซึ่งปัญหาที่ทำให้สินค้าในตลาดมีน้อย มาจากการขนส่งล่าช้า ดังนั้นรัฐควรแก้ปัญหาสินค้าขาดตลาด ด้วยการช่วยเหลือผู้ประกอบการ ด้านขนส่ง ระบบโลจิสติกส์ โดยปัจจุบันการผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของบริษัท ยังสามารถผลิตสินค้าได้ตามปกติ
“การแก้ปัญหาด้วยการนำเข้า ท้ายที่สุดต้องเจอปัญหาขนส่งสินค้าเช่นกัน และยังต้องถูกบวกเรื่องของการคมนาคมขนส่ง อัตราภาษีการนำเข้าสินค้า ท้ายที่สุดผู้บริโภคต้องรับภาระซื้อสินค้าแพงขึ้น”.