น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการชะลอน้ำจากภาคเหนือที่จะไหลเข้ามาอีกนอกเหนือจากมาตรการวางกระสอบทรายยักษ์ว่า
มาตรการมีมาตั้งแต่ต้นที่ตอนเหนือที่ชะลอน้ำโดยการปิดประตูคลอง 8-10 และเร่งเครื่องสูบน้ำที่ปลายทางประตู13 อีกทั้งทุกภาคส่วนร่วมทั้งกรมชลประทานก็ได้สั่งการในส่วนของกรมชลฯให้เฝ้าดูว่าถ้าวันไหนระดับน้ำลดลงก็จะเพิ่มการเก็บกักน้ำเพื่อให้ระบายไปทางฝั่งตะวันออกให้มากขึ้น ซึ่งส่วนนี้ได้ดำเนินการอยู่
ส่วนที่น้ำเข้ากทม.ไปแล้ว นั้นได้ให้กทม.เร่งระบายน้ำ โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำทุกพื้นที่ที่จะทำให้น้ำไหลไปในท่อระบาย ถ้าน้ำไหลเข้าท่อระบายน้ำเต็มที่ ก็เชื่อว่ากทม.จะเร่งรัดทำในเรื่องนี้
สำหรับ 10 วันอันตรายในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมบางชันคิดว่าจะปลอดภัยหรือไม่ น.สงยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ปลอดภัยหรือไม่จะมีปัจจัยประกอบสองส่วนคือ ส่วนปัจจัยภายนอกที่เราจะพยายามควบคุมน้ำและขณะเดียวกันตัวนิคมก็ต้องมีการปกป้องด้วย ทั้งนี้ในส่วนของนิคมได้สั่งให้กองทัพสั่งการไปนานแล้ว ซึ่งกองทัพก็ได้ไปดูและวางแนวคันกั้นน้ำ ที่มีความแข็งแรงระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตามวานนี้ได้หารือให้กระทรวงคมนาคมและกองทัพช่วยกันเร่งเคลียร์พื้นที่หรือแนวที่เป็นการขวางน้ำให้ออกไปโดยเร็ว อันนี้ต้องทำควบคู่กันไป
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ กทมง ฝั่งตะวันออกระบายน้ำดีกว่าฝั่งตะวันตก ซึ่ง นายกฯ ก็ยอมรับและระบุว่า ทางตะวันตกที่ดีที่สุดคือเราเริ่มเคลียร์คลอง และวันนี้คลองตะวันตกเราพยายามที่จะไล่น้ำให้ลงสู่ระบบของชลประทาน และมีแก้มลิงที่มหาชัยที่รองรับในส่วนของสมุทรสาคร ซึ่งก็พยายามเคลียร์ทางบริเวณนั้น ซึ่งเราเตรียมถากคลองไว้รอแล้ว แต่วันนี้น้ำยังไหลไม่เต็มที่เพราะสภาพจากฝั่งตะวันตกคลองเป็นแนวนอน และคลองแนวตั้งที่จะไหลจากเหนือเขื่อนค่อนข้างแคบ
และวันนี้ต้องความร่วมมือประชาชนบางส่วนที่ระบายน้ำมีขยะไหลเข้ามาเยอะ เจ้าหน้าที่ต้องมาเคลียร์ขยะ จึงต้องระดมในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเข้ามาช่วยกันเคลียร์ขยะไม่ให้ไหลเข้าไปใกล้ท่อระบายที่ทำให้การระบายลำบาก จึงขอความร่วมมือให้เก็บขยะไว้ในถังขยะเทศบาลก็จะทำให้น้ำไหลไปได้ง่าย