ศอส.เตือนภาคกลางรับมือน้ำก้อนใหญ่ จากเขื่อนภูมิพล-ป่าสักมาแน่ 13-16 ต.ค.นี้ รวมถึงจังหวัดที่อยู่ท้ายเขื่อนไม่รอดเช่นกัน
เมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รองผู้อำนวยการศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีพื้นที่ประสบอุทกภัย 28จังหวัด สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ยังอยู่ในภาวะวิกฤตโดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำ 98 เปอร์เซนต์ เขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำ 99 เปอร์เซ็นต์ เขื่อนแควน้อยมีปริมาณน้ำ98เปอร์เซ็นต์ เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำ 136 เปอร์เซ็นต์
นายวิบูลย์กล่าวเตือนอีกว่า ในระยะ 1-2 วันนี้ ประเทศไทยมีฝนตกกระจายถึงเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่านใน 5 จังหวัด ได้แก่ จ.จันทบุรี ,ตราด ,ระนอง ,พังงา และ จ.ภูเก็ต ต้องเฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ทั้งนี้จากการประสานสถานการณ์น้ำในเขื่อน พบว่า ขณะนี้เขื่อนภูมิพล จ.ตาก และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีการระบายน้ำออกมาอย่างต่อเนื่อง ขอให้จังหวัดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ท้ายเขื่อนทั้ง 2 แห่ง เตรียมรับมือผลกระทบจากการระบายน้ำในระยะนี้ไว้ด้วย
นอกจากนี้คาดว่ามวลน้ำของทั้ง 2 เขื่อนใหญ่จะไหลมารวมกันในพื้นที่ภาคกลางตอนล่างช่วงวันที่ 13-16 ต.ค.นี้ ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูง ส่งผลให้การผลักดันน้ำออกสู่ทะเล เป็นไปด้วยความยากลำบาก ขอให้ประชาชนเตรียมรับมือภาวะน้ำล้นตลิ่งไว้ด้วย.