น้ำทะลักท่วมถนนสายเอเชียรถติดยาวเหยียด"รพ.-สนามกีฬา"อยุธยาไม่รอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันที่ 6 ตุลาคม น้ำได้ไหลเข้าบริเวณโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา ทำให้นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จึงสั่งการให้ผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข เร่งประเมินสถานการณ์ และขนย้ายผู้ป่วยบางส่วนจากแล้ว รวมทั้งให้ย้ายเครื่องปั่นไฟ และเครื่องมือที่จำเป็นทางการแพทย์ เช่น เครื่องช่วยหายใจ เครื่องเอ็กซเรย์ รวมทั้งเครื่องเอ็กซเรย์สมอง ขึ้นไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัยจากภาวะน้ำท่วม
ทางด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ได้ประกาศยกเลิกการอพยพประชาชน ไปยังสนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต.คลองสวนพลู อ.พระนครศรีอยุธยาแล้ว เนื่องจากน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบริเวณรอบนอก และจ่อทะลักเข้าท่วมภายในสนามกีฬาและน้ำได้เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันน้ำได้ไหลเข้าท่วมถนนสายเอเชีย ช่วงบางปะหัน-อ่างทอง ทำให้รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตรทั้งขาเข้าและออก
ทั้งนี้ พบพื้นที่ทั้งจังหวัดถูกน้ำท่วมไปแล้วกว่า 80% ขณะเดียวกัน น้ำได้เอ่อล้นทะลักเข้าท่วมตลาดน้ำอโยธยา แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ส่งผลให้บริเวณตลาดได้รับความเสียหายอย่างหนัก
พ่อเมืองกรุงเก่าสั่งพร้อมรับมือน้ำอีกก้อนใหญ่ ใน 7 วันนี้
นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ช่วงวิกฤตน้ำท่วมจริงๆ ของจังหวัดจะมาถึงในอีก 3-7 วันข้างหน้า เพราะได้รับมวลน้ำหลักมาจากแม่น้ำลพบุรีที่ไหลเข้ามามากที่สุด นอกจากนี้ยังมีมวลน้ำรองที่มาจากแม่น้ำป่าสัก และยังมีน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเข้ามาสบทบด้วย คาดว่าจะทำให้ระดับน้ำในจังหวัดเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 50 เซนติเมตร ขณะนี้ขอให้ประชาชนฟังประกาศของเทศบาลเมืองอโยธยา เทศบาลพระนครนครศรีอยุธยา รวมถึงของจังหวัด อย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง รวมทั้งเตรียมเก็บข้าวของไว้ที่สูงและพร้อมอพยพมาอยู่ในที่ปลอดภัยในทันที
นายวิทยากล่าวต่อว่า ขณะเดียวกันสั่งให้เสริมคันกั้นน้ำ ทั้งที่เป็นแบบคันดินและกระสอบทรายโดยรอบเกาะเมือง จากที่สูงอยู่ 50 เซนติเมตรเพิ่มอีก 50 เซนติเมตรให้เป็นสูง 1 เมตร และซ่อมจุดที่ได้รับความเสียหาย ตอนนี้พบว่ามีแนวป้องกันได้รับความเสียหายกว่าร้อยละ 60
น้ำท่วมเรือนจำกลางอยุธยาสูง 2 เมตร เร่งย้ายผู้ต้องขัง 1.7 พันคน
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันตชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า น้ำได้ไหลเข้าร่วมเรือนจำกลางพระนครศรีอยุธยา สูง 2 เมตร เจ้าหน้าที่ต้องนำผู้ต้องขังทั้งหมดขึ้นไปอยู่บนชั้น 2 ของเรือนจำ และอยู่ระหว่างประสานจังหวัดและภาคเอกชนในการนำเรือเข้าขนย้ายผู้ต้องขังประมาณ 1,700 คน ไปฝากไว้ที่เรือนจำ จ.ลพบุรี สิงห์บุรี ชัยนาท ปทุมธานี และบางส่วนไว้ที่เรือนจำกลางคลองเปรม โดยเรือนจำใกล้เคียงได้นำรถไปรอลำเลียงผู้ต้อง