กทม.เร่งสูบน้ำกู้วิกฤติวิภาวดี

ผู้ว่าฯ สุขุมพันธ์ สั่งการให้ใช้เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่เร่งสูบน้ำ กู้วิกฤติวิภาวดีที่ต้องเป็นอัมพาต คาดรุ่งสางกลับสู่ภาวะปกติ พร้อมเตือน 16-17 ต.ค. กทม.น่าเป็นห่วง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อช่วงเวลา 18.00 น. วันที่ 5 ต.ค. ได้มีพายุฝนพัดกระหน่ำเทลงมาทั่วกรุงเทพมหานคร ราวกับฟ้ารั่ว พร้อมกับมีฟ้าร้องและลมพัดกรรโชกแรงนานเกือบ 2 ชั่วโมง ส่งผลทำให้ถนนหลายสายในกรุงเทพมหานคร จมน้ำภายในพริบตาโดยระดับน้ำสูงเกือบเท่าหน้าแข้ง โดยเฉพาะถนนวิภาวดี-รังสิต ถนนรัชดา และย่านฝั่งธนฯ อีกทั้งยังทำให้การจราจรติดขัดเป็นอัมพาตไปทั้งแถบ

นอกจากนี้ รถจยย.ยังดับต้องลงจากรถเข็นกันอีกเป็นจำนวนมาก หลังจากฝนได้ซาเม็ดลงไปราว 1 ชั่วโมง

 ปรากฏว่าพายุฝนได้เทลงมาอีกครั้ง เลยยิ่งทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นไปอีก และการจราจรที่ติดขัดอยู่แล้ว คราวนี้รถเลยต้องหยุดนิ่ง โดยเคลื่อนตัวไปได้ที่ละน้อย เนื่องจากถนนบางเลนโดนน้ำท่วมจนรถไม่สามารถจะวิ่งได้ ทำให้ถนนเหลือไม่กี่ช่องทาง

ต่อมาเมื่อเวลา 01.45 น. วันที่ 6 ต.ค. ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม.

พร้อมนายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กทม.  และคณะเดินทางมาตรวจดูปัญหาน้ำท่วมบนถนนวิภาวดีรังสิต บริเวณหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์เดลินิวส์  ซึ่งน้ำท่วมขังสูง 50 ซม. – 1 เมตร จนท่วมตลอดแนวหน้าบริษัทยาคูลท์ราว 500 เมตร     ส่งผลให้การจราจรในฝั่งขาเข้าติดขัดต่อเนื่องหลายกม.ถึงห้างสรรพสินค้าเซียร์รังสิต  รถเล็กไม่สามารถผ่านได้  และจอดเสียระนาว โดยสำนักงานเดลินิวส์ได้เปิดให้ประชาชนนำรถเข้ามาจอดพักและนั่งพักผ่อนชั่วคราวบริเวณโรงอาหาร  เพื่อรอให้ระดับน้ำลด พบว่ามีรถหลายสิบค้นเข้ามาจอด  เพราะไม่อยากเสี่ยงไปดับเสียกลางถนน โดยเฉพาะที่มีลูกเล็กเด็กแดงมาด้วยต่างร้องไห้กันจ้าละวัน บางรายที่มีบุตรหลานเล็กก็ต้องนำลูกมานอนพักผ่อนในโรงอาหารเพื่อรอให้น้ำลดจนสามารถนำรถฝ่าไปได้ ทำให้บรรยากาศค่อนข้างทุลักทุเล แต่เมื่อพบผู้ว่ากทม.เดินทางเข้าเยี่มและชี้แจงสาเหตุที่น้ำท่วมพร้อมรับปากว่าจะเร่งดำเนินการระบายน้ำออกจากพื้นที่ให้เร็วที่สุด จึงทำให้ทุกฝ่ายคลายความวิตกกังวลลงไปได้

ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ กล่าวว่า วันนี้ฝนตกในพื้นที่กรุงเทพด้านตะวันออกเป็นปริมาณสูงเกินกว่า 120 มิลลิเมตร เกินกว่าระบบระบายน้ำของกทม.จะรับได้ 

โดยเฉพาะในเขตหลักสี่ พบว่าจุดที่มีปัญหาหนักสุดคือหน้าสำนักงานเดลินิวส์   เนื่องจากเครื่องสูบน้ำที่ติดตั้งอยู่ในสถานีหน้าบริษัทยาคูลท์ 3 เครื่องเสียไป 2 เครื่องเพราะกระแสไฟฟ้าขัดข้อง  ตนจึงเร่งสั่งการสำนักการระบายน้ำ นำเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่มาเสริมและเร่งสูบน้ำออก คาดว่าก่อนรุ่งสางวันนี้ จะสูบออกได้หมด  รวมทั้งให้กองโรงงานเครื่องจักรกล นำรถกู้ภัยมาเคลื่อนย้ายรถและเร่งซ่อมรถที่มีปัญหา  ทั้งนี้อีก 6 เดือน จะดำเนินการปรับปรุงสถานีสูบน้ำหน้าบริษัทยาคูลท์เพื่อเพิ่มกำลังสูบจากเครื่องละ 3 ล้านลบ.ม.ต่อวินาทีเป็น 6 ล้านลบ.ม.ต่อวินาที 

และในปี55 เมื่อเปิดใช้อุโมงค์ยักษ์จากใต้สวนรถไฟระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาโดยตรง  จะช่วยระบายน้ำท่วมขังบนถนนวิภาวดี
 
รวมทั้งในพื้นที่เขตหลักสี่และเขตจตุจักรได้รวดเร็วขึ้น   ป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามสถานการณ์น้ำท่วมในกรุงเทพฯยังน่าเป็นห่วง  ตนไม่เคยพูดว่าน้ำจะไม่ท่วมกรุงทพฯ แต่จะพยายามบริหารจัดการให้ดีที่สุด  โดยเฉพาะวันที่ 16-17 ต.ค. ที่น้ำเหนือจะปล่อยมาอีกบวกกับช่วงน้ำทะเลหนุนพอดี  และมีฝนตกมาซ้ำ 3 น้ำรวมกันกรุงเทพฯแย่แน่   ห่วงพื้นที่นอกคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาบางจุด รวมทั้งบริเวณริมคลองต่างๆ และพื้นที่ด้านตะวันออก อาทิ มีนบุรี หนองจอกและคลองสามวา 

ด้านนายสัญญา กล่าวว่า ขณะนี้ปริมาณฝนรวมในพื้นที่กรุงเทพฯ พบว่ามีแล้วถึง  2,046 มิลลิเมตร เกินกว่าฝนเฉลี่ย 30 ปีที่มี 1,500 เมตร  เหลืออีก 2 เดือนสิ้นปี คาดว่าตะตกอีกราว 300-500 มิลลิเมตร ถือว่า  ฝนปีนี้ทุบสถิติในรอบ 30 ปี  โดยเมื่อปี 2553 ฝนรวม 1,900 มิลลิเมตร 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์