พายุ “เนสาด” สลายตัวแล้ว แต่ยังมีฝนตกหนักที่ จ.เลย จนน้ำป่าไหลหลากบ้านพัง50หลัง
เมื่อเวลา 09.00 น. วันนี้ (2 ต.ค.) นายคำพัน บุตรราช หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดเลย เปิดเผยว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “เนสาด” (NESAT) บริเวณประเทศเวียดนามตอนบนได้สลายตัวแล้ว แต่ยังคงทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค จึงขอให้ประชาชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณจังหวัดเลย ระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ในระยะนี้ไว้ด้วย พยากรณ์อากาศบริเวณจังหวัดเลย มีฝนหรือฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ประมาณ 70 % ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
ต่อมาเมื่อเวลา 15.00 น.วันเดียวกันนี้ นายพรศักดิ์ เจียรณัย ผวจ.เลย
พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยังหมู่บ้านหัวฝาย หมู่ 2 ต.ชัยพฤกษ์ อ.เมืองเลย เพื่อตรวจเยี่ยมราษฎรที่ประสบภัยน้ำท่วม เนื่องจากเกิดฝนตกติดต่อกันตั้งแต่เวลา 07.00 น. – 11.00 น. จึงทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากมาจากภูเขาห้วยบอน ไหลลงมาที่ลำห้วยบอนแล้วไหลลงไปสมทบกับลำน้ำห้วยเสี้ยว ไหลผ่านกลางหมู่บ้านหัวฝาย ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว แต่ครั้งนี้รุนแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เจ้าของบ้านไม่สามารถที่จะเก็บทรัพย์สินภายในบ้านได้ทัน เพราะกระแสน้ำไหลหลากลงมาเร็วมาก กำแพงคอนกรีตหลายแห่งถูกกระแสน้ำพัดพังเสียหาย
จากการสำรวจพบว่ามีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย 50 หลังคาเรือนและที่วัดสร้างเที่ยง ของหมู่บ้านถูกกระแสน้ำพัดกำแพงพังเสียหาย
ระดับน้ำสูงตั้งแต่ 50-70 เชนติเมตร โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะได้นำถุงยังชีพมาให้การช่วยเหลือบรรเทาความเดือนร้อนในเบื้องต้นก่อน หลังจากนั้นจะได้เร่งสำรวจบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายเพื่อให้การช่วยเหลือต่อไป
ที่.วังสะพุง น้ำป่าจากเนินเขาบริเวณโรงเรียนศรีสงครามวิทยา
ไหลบ่าเข้าท่วมถนนมะลิวรรณ ช่วงสี่แยกวังสะพุง รถยนต์ขนาดเล็กไม่สามารถวิ่งฝ่าสายน้ำผ่านไปได้ ต้องวิ่งไปออก ข้างสะพานแม่น้ำเลย เสียเวลาอ้อมกว่า 5 กม. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังสะพุงและเจ้าหน้าที่แขวงการทางวังสะพุง ต้องระดม กำลังออกปฏิบัติการแก้ไขการจราจร
นอกจากนี้กระแสน้ำจากห้วยเบ้า บ้านป่าเป้า หมู่ 5 ต.ปากปวน อ.วังสะพุง
ยังไหลเอ่อเข้าท่วมถนน ช่วงกม.ที่ 120 ถนนสายเลย-ขอนแก่น ด้านตะวันออกของถนน รถยนต์ต้องย้ายมาวิ่งทางฝั่งตะวันตกสวนทางกัน คนขับต้องใช้ความระมัดระวัง รถยนต์ไม่สามารถใช้ความเร็วได้ ทำให้การจราจร ไปด้วยความเชื่องช้า ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล ควบคุมการจราจรตลอดเวลา.