ศอส.เตือน10จว.ภาคกลางรับมือน้ำล้นตลิ่ง

ยังมีน้ำท่วม 23 จังหวัด ส่วน8จังหวัดเหนือ-ตะวันออกเฝ้าระวังดินโคลนถล่ม กำชับจังหวัดทำธงสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายเป็นจุดสังเกตในบ้านที่มีผู้ป่วย คนชราหรือเด็กเล็ก เพื่อให้ช่วยเหลือได้เป็นกรณีพิเศษ  
   

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. นายภาณุ แย้มศรี ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประธานการประชุมศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 23จังหวัด ได้แก่ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี อุบลราชธานี ชัยภูมิ ขอนแก่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ฉะเชิงเทรา นครนายก และปราจีนบุรี รวม 160 อำเภอ 1,158 ตำบล 8,618 หมู่บ้าน ราษฎรเดือดร้อน 591,592 ครัวเรือน 1,894,792 คน ผู้เสียชีวิต 188 ราย  สูญหาย 3 ราย  พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะเสียหาย 6,157,916ไร่ พื้นที่เพาะเลี้ยง สัตว์น้ำ บ่อปลา 90,242 บ่อ สัตว์ได้รับผลกระทบ 6,937,065ตัว น้ำท่วมเส้นทางไม่สามารถสัญจรผ่านได้ รวม 124สาย แยกเป็น  ทางหลวง 38สาย ใน 10 จังหวัด ทางหลวงชนบท 86 สายใน 18 จังหวัด

สำหรับสถานการณ์น้ำในลุ่มน้ำต่างๆ ยังต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีปริมาณน้ำมากและระดับน้ำล้นตลิ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น

โดยเฉพาะลุ่มน้ำปิงที่อ.เมือง จ.ลำพูน และจะล้นตลิ่งที่อ.ดอยสะเก็ด  อ.สันทราย  อ.หางดง  อ.สารภี  อ.สันป่าตอง  จ.เชียงใหม่  อ.บ้านธิ  อ.ป่าซาง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน  อ.จอมทอง  อ.ฮอด  อ.ดอยเต่า  จ.เชียงใหม่  ตามลำดับ ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำไหลผ่านจ.นครสวรรค์ 4,344 ลบ.ม./วินาที เขื่อนเจ้าพระยาปริมาณน้ำไหลผ่าน 3,628 ลบ.ม./วินาที ปริมาณน้ำไหลผ่านอ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3,255 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้10 จังหวัดที่อยู่ริมแม่น้ำ ได้แก่ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี และนนทบุรี ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่งที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  สำหรับสถานการณ์น้ำในเขื่อนยังอยู่ในภาวะวิกฤต โดยเฉพาะเขื่อนภูมิพลมีปริมาณน้ำ 93 เปอร์เซนต์  เขื่อนสิริกิติ์ 99 เปอร์เซ็นต์  เขื่อนแควน้อย 94 เปอร์เซ็นต์  เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ 135 เปอร์เซ็นต์

นายภาณุ กล่าวเตือนว่า ยังต้องเฝ้าระวังและติดตามการเคลื่อนตัวของพายุไต้ฝุ่นเนสาดที่จะเข้าสู่ชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบนในวันนี้

ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และอ่าวไทย ทำให้ภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก เกิดฝนตกหนักในบางพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยใน 9จังหวัด ได้แก่ นครนายก จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก ส่วนคลื่นลมในทะเลมีกำลังแรง คลื่นสูง 2- 4 เมตร ขอให้ชาวเรือเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง รวมถึงแจ้งเตือน 8 จังหวัด เฝ้าระวังดินโคลนถล่มและน้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 29-30 ก.ย.  โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงภัยในจ.เชียงใหม่ (อ.แม่แตง ฝาง สะเมิง แม่ริม สันทราย ดอยสะเก็ด แม่ออน ไชยปราการ เชียงดาว)เชียงราย (อ.เวียงป่าเป้า แม่สรวย )แม่ฮ่องสอน(อ.แม่สะเรียง ) ลำปาง ( อ.เมืองปาน วังเหนือ แจ้ห่ม ) สุโขทัย (อ.ศรีสัชนาลัย ) อุตรดิตถ์ (อ.น้ำปาด ลับแล ท่าปลา) จันทบุรี (อ.ขลุง) ตราด (อ.เกาะช้าง บ่อไร่ ) เนื่องจากมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดินชุ่มน้ำ เริ่มมีดินไหล และน้ำหลากในบางพื้นที่แล้ว จึงขอให้จังหวัดจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ภัยออกประกาศแจ้งเตือนภัย  และประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านหมั่นสังเกตสัญญาณผิดปกติทางธรรมชาติ หากสถานการณ์วิกฤต ให้รีบอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ทันที  รวมถึงจัดมิสเตอร์เตือนภัยเตรียมความพร้อมเฝ้าระวังภัยในระยะนี้เป็นพิเศษ 

ทั้งนี้ ศอส. ได้เน้นย้ำให้จังหวัดที่มีน้ำท่วมขังเป็นเวลานาน ให้จัดทำธงสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายเป็นจุดสังเกตในบ้านที่มีผู้ป่วย คนชรา  หรือเด็กเล็ก  เพื่อให้สามารถช่วยเหลือได้เป็นกรณีพิเศษ  รวมถึงให้นายอำเภอตรวจสอบการดำเนินการป้องกัน  แก้ไขและช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการวางระบบ  และสั่งการแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ฉับไว  และสอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นที่.
 


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์