เจ้าคณะภาค 4 ธรรมยุต สั่งทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ รายงานพฤติกรรม”พระเกษม”ให้เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี ต้นสังกัดฟันธง
จากกรณี พระเกษม อาจิณณสีโล เจ้าสำนักสงฆ์วัดป่าสามแยก อ.น้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ ที่สร้างพฤติกรรมแสดงกิริยาที่ไม่เหมาะสมต่อสมณสารูปพร้อมทั้งเผยแพร่ภาพลง เว็บไซต์ยูทูป จนมีหลายฝ่ายวิจารณ์ว่าสร้างความเสื่อมเสียต่อพระพุทธศาสนานั้น เมื่อวันนี้(26 ก.ย.) นายสงกานต์ อัจฉริยะทรัพย์ ประธานเครือข่ายรวมพลังต่อต้านการบ่อนทำลายชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กล่าวว่า ในวันที่ 27 ก.ย. เวลา 13.30 น. ตนจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองปราบปรามให้เข้าทำการสืบสวนสอบสวนตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีพระเกษม
เนื่องจากพระเกษมเจตนากระทำความผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกรรมต่างวาระต่อเนื่องกัน
คือ 1. พระเกษม ได้บังอาจกระทำความผิดโดยการกระทำด้วยประการใดๆแก่พระพุทธรูป หรือวัตถุอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาพุทธของหมู่พุทธศาสนิกชน อันเป็นการเหยียดหยามนั้นถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 206 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000-14,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 2. พระเกษม ได้บุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของทางราชการ หรือ อันเป็นที่ดินป่าสงวนแห่งชาติ โดยเพื่อถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือแต่บางส่วนในการสร้างสำนักสงฆ์ หรือที่พัก ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ซึ่งเมื่อพระสงฆ์ทำผิดในข้อนี้ ถือว่า อาบัติปราชิกตามพระธรรมวินัย ที่พระพุทธเจ้าได้บัญญัติไว้คือ
1. การเอาของหรือทรัพย์ที่เจ้าของมิได้ให้แม้เพียง 1 เฟื้อง ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุตั้งแต่ต้นนายสงกานต์ กล่าวต่อว่า นับตั้งแต่วันที่พระเกษม มาครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่นหรือป่าสงวน จึงถือว่าพระเกษมขาดจากการเป็นพระ และจะถือว่าพระเกษม บังอาจแต่งกาย เป็นภิกษุหรือนักบวชในศาสนาพุทธโดยมิชอบ ถือเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 208 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับอีกด้วย 3. พระเกษม บังอาจกระทำความผิดต่อพระภิกษุ ซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ในการปกครองคณะสงฆ์ ซึ่งถือเป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญาแห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพ.ร.บ.คณะสงฆ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535 มาตรา 45 โดยการขัดคำสั่งเจ้าคณะปกครองซึ่งถือเป็นเจ้าพนักงานตามกฎหมาย และได้บังอาจใส่ความเจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะใหญ่ฝ่ายธรรมยุต หรือคณะกรรมการมหาเถรสมาคม ในทำนองว่ามีความประพฤติไม่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย หรือท้าทายคณะสงฆ์โดยกล่าวหาว่า ไม่กล้ามาสอบสวน อันเป็นการพูดจาเชิงดูหมิ่นและให้พุทธศาสนิกชนเข้าใจผิดได้ อันเป็นการใส่ความคณะสงฆ์ หรือคณะสงฆ์อื่น อันอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือความแตกแยก ถือเป็นความผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ช่วงเย็นวันเดียวกัน นพ.สุรวิทย์ คนสมบูรณ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.)
ได้เดินทางเข้าพบพระพรหมเมธี เจ้าคณะภาค 4-7 ธรรมยุต ที่วัดสัมพันธวงศ์ เพื่อหารือแนวทางในการดำเนินการกับพระเกษม โดยนพ.สุรวิทย์ กล่าวภายหลังการหารือว่า จากการหารือกับเจ้าคณะภาค4-7 แล้วได้ข้อสรุปว่า จะดำเนินการยุติเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เนื่องจากประชาชนร้องเรียนเรื่องดังกล่าวเข้ามามาก ดังนั้น ทางเจ้าคณะภาค 4-7 จะทำหนังสือถึงเจ้าคณะจังหวัดเพชรบูรณ์ให้ดำเนินการสรุปพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของพระเกษมไปให้ เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี พิจารณา เนื่องจากเป็นต้นสังกัด โดยพศ.จะรอให้เจ้าคณะจังหวัดอุดรธานี สรุปผลออกมาอีกครั้ง โดยจะดำเนินการให้เร็วที่สุด ที่จะยุติเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม ตนไม่อยากจะพูดว่า ลงโทษขั้นใด ต้องขึ้นอยู่กับคณะสงฆ์ แต่โดยข้อมูลที่ได้รับรายงาน พระเกษมมีความผิดเป็นอาจิณ และฝ่าฝืนคำสั่งคณะสงฆ์ ก็สามารถดำเนินการลงโทษได้ถึงขั้นสูงสุด