“วิรุฬ”พริ้ว สั่งธอส.ออกแคมเปญดอกเบี้ยบ้านใหม่และบ้านมือสอง 0% นาน 2-3 ปี วงเงิน 10,000 ล้าน เอาใจผู้มีรายได้น้อย
ที่สำนักงานใหญ่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ เมื่อเวลา 11.00 น. วันนี้( 23 ก.ย.) นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ได้มอบนโยบายให้นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการธอส.ไปพิจารณารายละเอียด และรูปแบบการดำเนินโครงการสินเชื่อบ้านดอกเบี้ย 0% โดยจะเร่งหาข้อสรุปภายในวันที่ 26 ก.ย.นี้ เพื่อนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของครม.ได้ทันวันที่ 27 ก.ย.นี้ เบื้องต้นกำหนดวงเงินดำเนินโครงการไว้ 10,000 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยได้ขอสินเชื่อซื้อบ้านราคาไม่เกิน 1- 2 ล้านบาท โดยธอส.อาจคิดดอกเบี้ย 0% นาน 2-3 ปี และเปิดกว้างให้สามารถซื้อได้ทั้งบ้านใหม่ บ้านมือสองและบ้านที่เป็นสินทรัพย์รอการขาย (เอ็นพีเอ) ของธอส.เอง ซึ่งจะเป็นมาตรการเสริมหลังจากการให้สิทธิหักลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 5 ล้านบาทที่รัฐบาลออกมาตรการมาก่อนหน้านี้
“มาตรการลดหย่อนภาษี อาจช่วยผู้อยู่ในระบบและมีรายได้ปานกลางถึงสูงได้รับสิทธิประโยชน์ แต่ยังขาดในส่วนของผู้มีรายได้น้อย ที่ไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการซื้อบ้านหลังแรก ดังนั้นจึงเห็นว่าธอส.ควรทำโครงการสินเชื่อดอกเบี้ย 0% ออกมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ยืนยันว่าจะมีเงื่อนไขและให้ประโยชน์กับผู้ซ้อบ้านมากกว่า โดยรัฐบาลอาจจะชดเชยดอกเบี้ยให้ธอส.หากเห็นว่าไม่เป็นภาระสูงเกินไป”
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ธนาคารจะเร่งพิจารณารายละเอียดของโครงการสินเชื่อบ้าน 0% ใหม่เพื่อเสนอให้นายวิรุฬทันตามทีได้รับมอบหมายมา อย่างช้าภายในวันที่ 26 ก.ย.นี้ โดยจะเน้นให้สินเชื่อกลุ่มผู้มีรายได้ เพราะบ้านมือ 2 หรือบ้านที่ยึดมานั้น ส่วนใหญ่ราคาต่ำกว่าตลาด หรือไม่ถึง 1 ล้านบาทอยู่แล้ว โดยบ้านเอ็นพีเอของธนาคารขณะนี้มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท มีราคาเฉลี่ย 600,000-700,000 บาท ดังนั้นวงเงิน 10,000 ล้านบาท จึงน่าจะเพียงพอ ส่วนจะคิดดอกเบี้ย 0% กี่ปีขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาล หากจะชดเชยดอกเบี้ยให้ ธนาคารจะมีอยู่ที่ต้นทุน4% ต่อปี หากวงเงิน 10,000 ล้านบาท คิดเป็นเงินชดชยดอกเบี้ยปีละ 400 ล้านบาท
ส่วนการลดค่าธรรมเนียมการโอนครึ่งหนึ่งจะมีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลแต่เข้าใจว่าอาจจะไม่มีเพราะมีมาตรการลดหย่อนภาษีไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนโครงการบ้าน 0% นาน 2 ปีเดิมนั้น ยืนยันว่าปิดโครงการไปแล้ว ล่าสุดอนุมุติสินเชื่อไปแล้ว 17,000 ล้านบาทที่เหลืออยู่ระหว่างรอเอกสารการโอน คาดว่าน่าจะอนุมัติได้ทั้งหมด 250,000 ล้านบาท เพราะก่อนหน้านี้เปิดรับยื่นไว้ 25,000 ล้านบาท และสำรองไว้อีก 3,000 ล้านบาท โดยมีผู้ไม่ผ่านการอนุมัติ 15%