กรมชลฯ เตือนรับมือน้ำท่วมกรุง น้ำก้อนใหญ่จากเหนือถึงแน่ 19-20 ก.ย.นี้ เผยสถานการณ์รุนแรงสุดรอบ 5 ปี มาเร็ว-แรง-กระจายหลายพื้นที่
นายวีระ วงศ์แสงนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า สถานการณ์น้ำในปีนี้ถือว่ารุนแรงมากในรอบ 5 ปี เนื่องจากน้ำมาเร็ว แรง และกระจัดกระจายทั้งภาคเหนือตอนบน ภาคกลางและอีสาน ซึ่งน้ำทั้งหมดไหลลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาที่เป็นพื้นที่เกษตรที่สำคัญ
"ความเสียหายปีนี้จึงมีมากกว่าทุกปีผ่านมา ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในภาคเหนือตอนบน กำลังไหลจากจังหวัดกำแพงเพชร มุ่งหน้าสู่ จ.นครสวรรค์ คาดว่าถึงในช่วงบ่ายวันที่ 15 ก.ย. นี้ เพื่อบรรจบกับน้ำน่านและยม ที่รออยู่แล้ว หลังจากนั้น จะวนเพื่อยกตัวอย่างน้อย 3 วันก่อนไหลเป็นทัพใหญ่ ลงเขื่อนเจ้าพระยาและมุ่งตรงลงสู่ลุ่มเจ้าพระยาถึงกรุงเทพฯ ในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้"
เขากล่าวว่าถือว่าโชคดีที่ในช่วงดังกล่าวน้ำทะเลไม่หนุน ดังนั้น ปริมาณจำนวนมากจะไหลลงสู่ทะเลได้ง่าย
แม้จะมีร่องมรสุมพัดผ่านทำให้ฝนตกกระจายในภาคกลาง แต่จะไม่ทำให้ปริมาณน้ำที่กำลังไหลมีปริมาณที่สูงขึ้น ซึ่งต่างจากปี 2553 ที่ปริมาณน้ำจะถึงกรุงเทพฯ ช่วงปลาย ต.ค.- พ.ย. และเป็นช่วงน้ำหลากเข้าสู่เทศกาลลอยกระทง น้ำทะเลหนุนสูง ทำให้การผลักดันน้ำไหลลงสู่ทะเลยาก จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมขึ้น
ทั้งนี้ หลังจากปริมาณน้ำดังกล่าวผ่านไปแล้วปัญหาทุกอย่างก็จะจบ เหลือเพียงน้ำท่วมขังเป็นบางแห่งที่สามารถระบายได้เร็วขึ้น
ในขณะที่มรสุมที่เข้ามานั้นจะพัดลงสู่ภาคใต้ ซึ่งยังคาดไม่ได้ว่าจะรุนแรงมากแค่ไหน ดังนั้น ต้องพยากรณ์กันทุก 3 วัน อย่างไรก็ตาม การที่มีน้ำมากกระจายในทุกภาคปีนี้จะทำให้ปีหน้าเป็นปีที่อุดมสมบูรณ์มากขึ้น ลุ่มเจ้าพระยาจะสามารถปลูกข้าวได้เร็วกว่าปีนี้เพื่อเลี่ยงปัญหาน้ำท่วม ส่วนภาคเหนือและอีสานที่ทำนาปีเป็นหลักไม่มีปัญหาเรื่องน้ำท่วมอยู่แล้ว
"ผมมั่นใจว่าปริมาณน้ำเหนือที่ไหลมาถึงกรุงเทพฯ จะไม่เกินคันกั้นน้ำของ กทม.ที่สูง 2.5 เมตรอย่างแน่นอน แต่กรมชลประทานต้องติดตามทุกระยะ เพื่อดูสถานการณ์ ซึ่งต้องยอมรับว่าสถานการณ์น้ำปีนี้ครบเครื่องจริงๆ มีทั้ง ปิง ยม และน่านไหลมาบรรจบกัน" นายวีระกล่าว