เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุม ครม.วันที่ 13 ก.ย. จะมีการพิจารณาเรื่องการคืนเงินภาษีสำหรับรถยนต์คันแรก
ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ พร้อมทั้งจัดตั้งงบประมาณในการดำเนินการ โดยจะจัดสรรงบประมาณในปี 55 จำนวน 100 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และจัดสรรงบปี 56 จำนวน 30,000 ล้านบาท เพื่อคืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกเท่ากับค่าภาษีตามที่จ่ายจริง แต่ไม่เกินคันละ 100,000 บาท พร้อมทั้งจะมอบหมายให้กรมสรรพสามิต มีอำนาจอนุมัติให้คืนเงินสำหรับรถยนต์คันแรกให้กับผู้ซื้อ และให้กรมการขนส่งทางบก ให้ความร่วมมือกับกรมสรรพสามิตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแสดงหลักฐานการครอบครองรถยนต์คันแรกการบันทึกข้อมูลห้ามจำหน่ายโอนรถยนต์ภายใน 5 ปี
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า การลดภาษีสำหรับโครงการรถยนต์คันแรกได้กำหนดเงื่อนไขว่า
หากเป็นรถยนต์นั่ง ต้องไม่เกิน 1,500 ซีซี ในราคาไม่เกินคันละ 1 ล้านบาท ส่วนรถกระบะนั้น ไม่กำหนด ซีซี และผู้ซื้อต้องมีอายุ 21 ปีขึ้นไป เพื่อช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย รวมถึงผู้ที่เริ่มทำงานใหม่ตรงตามนโยบายรัฐบาล โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 54-31 ธ.ค. 55 นี้เท่านั้น รวมทั้งต้องเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นในประเทศ ไม่รวมถึงรถยนต์ที่ประกอบจากชิ้นส่วนนำเข้าใช้แล้วจากต่างประเทศ (รถยนต์จดประกอบ)
สำหรับรูปแบบการคืนเงินนั้น หลังจากที่ซื้อรถแล้ว
ผู้ซื้อต้องนำเอกสารการซื้อไปยื่นขอรับเงินภาษีสรรพสามิตรถยนต์คืนได้ที่สรรพสามิตพื้นที่ทั่วประเทศ 280 แห่ง โดยกรมฯ จะคืนเป็นเช็คให้หลังจากวันที่ซื้อรถแล้ว 1 ปี และมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อต้องถือครองรถนาน 5 ปี ไม่สามารถโอนได้ คาดว่าจะทำให้มีความต้องการซื้อรถใหม่เพิ่มขึ้น 500,000 คัน และส่งผลให้การเก็บภาษีรถยนต์ในปี 55 สูงขึ้นมาก เพราะการคืนภาษีจะเริ่มในปีถัดไป
“ในปี 54 นี้คาดว่าจะมีกำลังการผลิตรถยนต์ 1.9 ล้านคัน ส่งขายต่างประเทศ 1 ล้านคัน ซึ่งไม่เก็บภาษีอยู่แล้ว และขายในประเทศ 900,000 คัน ดังนั้น รถยนต์ที่เพิ่มขึ้นจากโครงการดังกล่าว จึงน่าจะทำให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศในปีหน้า เพิ่มขึ้นอีก 50% จากฐานในปี 54 ขึ้นอยู่กับว่าผู้ซื้อรถจะอินกับนโยบายนี้มากน้อยแค่ไหน” อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าว
ด้าน นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รมช.คลัง กล่าวว่า เชื่อว่าโครงการดังกล่าว
จะไม่กระทบกับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพสามิต ในปีงบประมาณ 55 เพราะผู้ซื้อต้องเสียภาษีก่อน และเริ่มได้รับคืนเงิน ในปีงบประมาณ 56 ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะต้องตั้งงบประมาณ สำหรับคืนเงินให้ผู้ซื้อรถ ในโครงการนี้ ระหว่าง 9,000-30,000 ล้านบาท หากใช้สิทธิถึง 500,000 คัน จะต้องตั้งงบประมาณคืนเงิน 30,000 ล้านบาท
ส่วน นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ โฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า
ต้องการให้รัฐบาลดำเนินนโยบายคืนภาษี 1 แสนบาท ให้กับผู้ซื้อรถยนต์คันแรกขนาดไม่เกิน 1,500 ซีซี และรถกระบะมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ตลาดรถยนต์ชะลอตัวเหมือนนโยบายบ้านหลังแรกที่ผู้บริโภคเบรกการตัดสินใจซื้อไปแล้ว
ขณะที่ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จะเสนอ ครม.พิจารณาหลักเกณฑ์การรับจำนำข้าว
ทั้งเรื่องราคารับจำนำ และรายชื่อคณะอนุกรรมการ ภายใต้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ทั้ง 6 ชุด รวมทั้งการแต่งตั้งคณะกรรมการองค์การคลังสินค้า หรือ บอร์ด อคส.ชุดใหม่ หลังจากที่คณะกรรมการชุดเดิมทั้งชุดยื่นใบลาออกเรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้จะมีอนุกรรมการตรวจสอบระดับจังหวัด ที่มีกระทรวงมหาดไทยเข้าร่วมด้วย มีการทำงานผ่านชุดสายตรวจป้องกันและปราบปรามทุจริตตำรวจ เข้าร่วมปฏิบัติงาน