โบราณสถานไทย 3 แห่งสร้างชื่อ คว้ารางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 54 ของยูเนสโก
วันนี้ ( 7 ก.ย.) นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) สำนักงานกรุงเทพฯ แจ้งว่า ยูเนสโกประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้ประกาศยกย่องรางวัลเพื่อการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ปี 2011 (พ.ศ.2554) จำนวน 9 แห่ง ผลปรากฏว่า มรดกทางวัฒนธรรมของประเทศไทยได้รับรางวัล 3 รางวัล ได้แก่ หอไตรวัดเทพธิดาราม กรุงเทพมหานคร ได้รับรางวัลการอนุรักษ์ดีเด่น ศาลาโบราณสถานวัดคูเต่า ตำบลแม่ทอม อำเภอบางกล่ำ จังหวัดสงขลา และอาคารโบราณถนนหน้าพระลาน ตรงข้ามพระบรมมหาราชวัง ได้รับรางวัลเกียรติยศ การได้รับรางวัลครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีและภาคภูมิใจกับมรดกทางวัฒนธรรมของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ
อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมทั้ง 3 แห่งของกรมศิลปากรนั้นเน้นการปฏิสังขรณ์ ดูแล ร่วมกับชุมชน
เช่น หอไตรวัดเทพธิดาราม ได้รับความร่วมมือกับชาวบ้านในการดูแลหอไตร ในด้านอนุรักษ์เป็นฝีมือช่างแบบดั้งเดิม และมีการดูแลอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีนักเรียน นักศึกษา นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวชมศึกษาทุกวัน การที่ยูเนสโกมอบรางวัลให้แก่หอไตรวัดเทพธิดาราม เป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ชุมชนจะมีความภาคภูมิใจ อีกทั้งยังเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่า มีความสวยงาม มีคุณค่าของความเป็นโบราณสถาน ดังนั้น วัดเทพธิดารามถือว่ามีความสำคัญในยุคกรุงรัตนโกสินทร์มาก
นางโสมสุดา กล่าวอีกว่า ส่วนศาลาโบราณสถานวัดคูเต่า ทางกรมศิลปากรได้เข้าไปทำการอนุรักษ์เป็นประจำ
และทางเจ้าอาวาสมีแนวทางในการอนุรักษ์วัดเป็นอย่างดีและใช้วัดเป็นศูนย์กลางโดยให้กลุ่มชาวบ้านเข้ามาสร้างงานฝีมือภายในบริเวณดังกล่าว เช่น ทำดอกไม้จันท์ในงานศพ ศูนย์ออมทรัพย์ของชุมชน และอาคารโบราณหน้าถนนพระลาน สร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยต้นรัตนโกสินทร์ และได้รับการบูรณะโดยสำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันมีร้านค้าต่างๆเช่าที่ขายของ ขณะนี้ได้ทำการบูรณะเสร็จเรียบร้อยแล้ว และในเร็วๆ นี้ให้เจ้าของร้านค้าเดิมที่เคยอยู่มาก่อนได้เข้าไปใช้อาคารได้ดั้งเดิม
“วัตถุประสงค์ของยูเนสโกที่มอบรางวัลนี้เพราะต้องการปกปักรักษาศิลปวัฒนธรรมของแต่ละชาติและของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แทนที่จะไปรอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเลย ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ยุ่งยากและซับซ้อนมาก มนุษยชาติต้องช่วยกันรักษามรดกของตนไว้ด้วยการให้รางวัล เป็นการให้กำลังใจประเทศในแถบเอเชียแปซิฟิก เมื่อได้รับรางวัลก็คล้ายๆ กับการได้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก เพื่อให้เกิดความภาคภูมิใจ และชุมชนจะได้ช่วยกันดูแลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเป็นกำลังใจแก่หน่วยงานที่ดูแลในการอนุรักษ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในประเทศนั้นๆ ที่ได้รับรางวัล ในโอกาสนี้มีมรดกทางวัฒนธรรมของประเทศจีน อินเดีย ปากีสถาน ได้รับรางวัลด้วยเช่นกัน”อธิบดีกรมศิลปากร กล่าว