ค่านิยม มีกิ๊ก ทำคนติดเอดส์พุ่ง แม่บ้าน เสี่ยงสูงสุด

ค่านิยม มีกิ๊ก ทำคนติดเอดส์พุ่ง แม่บ้าน เสี่ยงสูงสุด

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 2 มกราคม 2550 16:28 น.

เตือนรัฐบาลใส่ใจปัญหาเอดส์ พบแนวโน้มผู้ติดเชื้อเอดส์รายใหม่พุ่งสูง กลุ่มเสี่ยงคือ หญิงแม่บ้านที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่รับเชื้อจากสามี จากปัจจัยค่านิยม มีกิ๊ก และการยุบคลินิกกามโรค

นพ.สมยศ กิตติมั่นคง หัวหน้ากลุ่มโรคเอดส์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า มีความชัดเจนว่าปัญหาการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเอดส์ในประเทศไทย จะเกิดการแพร่ระบาดรุนแรงอีกครั้ง ภายหลังการปฏิรูประบบราชการตามนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีการยุบคลินิกกามโรคที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) โอนไปที่โรงพยาบาล อีกทั้งปรับบทบาทของกรมควบคุมโรค ให้เป็นกรมวิชาการ ไม่มีภารกิจ ไม่มีบทบาทหน้าที่ป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ เหลือแค่การทำงานวิจัยและให้ความรู้เท่านั้น

นพ.สมยศ กล่าวว่า บทบาทของคลินิกกามโรค เดิมให้การรักษาฟรีกับหญิงขายบริการ

ทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ให้ความรู้ในการป้องกันตนเองจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ แนะนำการใช้ถุงยางอนามัย การตรวจร่างกาย ลักษณะการทำงานก่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ มีความสัมพันธ์ที่ดี เจ้าหน้าที่บางคนถูกเรียกว่า แม่ เพราะหญิงบริการให้ความเคารพ เมื่อตรวจเลือดพบว่า รายใดติดเชื้อเอชไอวี จะมีการค้นหาว่ามีความสัมพันธ์กับใคร นำไปสู่การค้นหากลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ ให้ความรู้และการป้องกันตนเอง จึงทำให้เกิดโครงการถุงยางอนามัยร้อยเปอร์เซ็นต์ สามารถลดการติดเชื้อเอดส์รายใหม่ได้สำเร็จ แต่ตอนนี้ไม่มีการใช้ถุงยางอนามัยร้อยเปอร์เซ็นต์อีกแล้ว เพราะการยุบคลินิกกามโรค เจ้าหน้าที่ถูกปรับไปทำงานด้านอื่น บางคนเกษียณอายุราชการ ผลการปฏิรูประบบราชการดังกล่าวเป็นเสหมือนการตัดตอนความสัมพันธ์ที่ดีไป อีกทั้งการใช้มาตรการทางกฎหมาย ทำให้ไม่มีซ่อง แต่มีการขายบริการแอบแฝงตามร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การป้องกันโรคเอดส์ลำบากขึ้น

ค่านิยมปัจจุบันที่ชอบการมีกิ๊กโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย เป็นความเสี่ยงมหันต์ที่จะทำให้เชื้อเอดส์ระบาดมากขึ้น

กลุ่มเสี่ยงคือกลุ่มแม่บ้านธรรมดา เพราะไว้ใจสามี การยุบคลินิกกามโรค การปรับหน้าที่หน่วยงานราชการ ผมเชื่อว่าจะมีผลกระทบ Deep Impact ผู้ติดเอดส์รายใหม่จะพุ่งสูงขึ้นแน่ๆ เหมือนกับการยุบ ศอ.บต.ทำให้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ลุกลาม หัวใจสำคัญอยู่ที่คนทำงาน กว่าที่จะสร้างความไว้วางใจเพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อควบคุมโรคต้องใช้เวลาหลายปี และเมื่อยุบส่วนนี้ลง เชื่อว่าต่อไปปัญหาเอดส์จะรุนแรง แก้ได้ยาก นพ.สมยศ กล่าว

นพ.สมยศ กล่าวเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ หันมาสนใจปัญหาด้านการป้องกันเอดส์

เพราะที่ผ่านมา แทบทุกรัฐบาลหลงภูมิใจกับผลงานเมื่อกว่า 10 ปีที่แล้ว ยังฝันว่ามีโครงการถุงยางอนามัยร้อยเปอร์เซ็นต์ ทั้งที่กรมควบคุมโรคไม่มีงบประมาณในการจัดหาถุงยางอนามัยฟรี เพราะงบประมาณถูกจัดสรรให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จัดหายาต้านไวรัสให้กับผู้ติดเชื้อเอดส์กว่า 85,000 คน ถุงยางอนามัยก็แจกเฉพาะผู้มารับยาต้านไวรัสเท่านั้น ทำให้มองเห็นเค้าลางหายนะแล้ว

ด้าน นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาเอดส์เริ่มมีสัญญาณชัดเจน

ซึ่งปีที่ผ่านมา ในการคัดเลือกทหารเกณฑ์พบว่ามีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ในกลุ่มแม่บ้านที่มาฝากครรภ์ก็มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน ถือเป็นสัญญาณอันตราย จะรอให้สถานการณ์แพร่ระบาดหนักเช่นเดียวกับปี 2534-2535 คงไม่ได้ ดังนั้น ในการประชุมคณะกรรมการเอดส์ระดับชาติที่จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ จะมีการนำเสนอสถานการณ์ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว และจะมีการทบทวนว่าภารกิจงานด้านเอดส์ที่ทำอยู่นี้ควรมีการเพิ่มเติมเรื่องใดบ้าง และเท่าที่ทราบขณะนี้มีการเสนอให้มีการจัดประชุมเอดส์ระดับชาติปีละ 2 ครั้ง เพื่อประเมินแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรค

นพ.มงคล กล่าวว่า กระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการเอดส์ระดับชาติ จะไม่เข้าร่วมประชุม

และมอบให้นายโฆษิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คงไม่เป็นอะไร เพราะเป็นการทำงานในลักษณะของคณะกรรมการ ส่วนการเสนอให้รื้อฟื้นคลินิกกามโรคที่ สสจ.นั้น นพ.มงคล กล่าวว่า ขณะนี้คลินิกกามโรคยังมีอยู่ โดยอยู่ในโรงพยาบาล เพียงแต่กระบวนการไม่เข้มข้นเท่านั้น

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์